วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

การบูชาเทพ เพื่อพลังจิต เวทมนต์ และฤทธิ์


บทความโดย กิตติ วัฒนะมหาตม์


*วัตถุมงคลในบทความนี้ ไม่มีให้เช่าบูชา*






ใน Facebook ผมเคยโพสต์เรื่องการบูชาพระศิวะ พระสรัสวดี และ พระตรีปุระสุนทรี เพื่อให้ได้รับพรวิเศษใน ๓ สิ่งนี้

ปรากฏว่า หลายท่านแนะนำให้หาที่ทางในการบันทึกไว้ เพราะโพสต์ต่างๆ ใน facebook เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า ก็จะกลับไปค้นอ่านได้ยาก

(ที่จริงแต่ละโพสต์ใน facebook ผมจำแนกเป็นหมวดหมู่ไว้แล้วใน album ซึ่งจะไม่หายไปหรอกครับ ถ้าเฟซของผมยังอยู่ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สะดวกที่จะไปค้นอ่านกัน)

ผมก็เลยนำมาบันทึก และขยายความเพิ่มเติม ใน blog นี้ครับ

ส่วนที่ว่า เพราะเหตใด การบูชาองค์เทพ เพื่อให้ได้รับพรวิเศษด้านพลังจิต เวทมนต์ และฤทธิ์ จึงต้องบูชาเฉพาะพระศิวะ พระสรัสวดี และพระตรีปุระสุนทรี?

คำตอบมีดังนี้ครับ :




พระศิวะ ทรงเป็นเทพผู้ให้การคุ้มครองแก่เหล่าฤาษี โยคี และผู้อุทิศตัวเพื่อความหลุดพ้น ทรงพาข้ามพ้นจากกิเลส และความยึดติดในสิ่งมัวเมา และอบายมุขทั้งหมด

พระองค์ประทานความหยั่งรู้ในพลังลี้ลับทั้งปวง ทรงควบคุมเหล่าภูตให้กระทำสิ่งต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้บูชาพระองค์

การบูชาพระองค์ จะทำให้บังเกิดความสามารถ และอุตสาหะในการบำเพ็ญเพียร การฝึกจิต การใช้เวทมนต์และการควบคุมสิ่งต่างๆ ด้วยฤทธิ์




พระสรัสวดี ทรงเป็นมารดาแห่งพระเวท ประทานพลังอำนาจแก่ผู้บูชา ให้การใช้เวทมนต์ทุกชนิดเป็นผล ประทานความเข้มขลังแก่พิธีกรรมทุกอย่าง

อีกทั้งประทานความสามารถในการบำเพ็ญเพียร การชำระจิต และการเข้าถึงความรู้สูงสุด ในศาสตร์ที่ผู้บูชาศึกษา

การบูชาพระองค์ จะทำให้บังเกิดวาจาสิทธิ์ ปรีชาญาณ ตลอดจนถึงพร้อมด้วยความสามารถ ในการเข้าถึงเทวะ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง




พระตรีปุระสุนทรี ทรงเป็นผู้ประทานพลังแห่งมหายันต์ทุกชนิด และศรีจักรมณฑล ให้บังเกิดแก่ผู้บำเพ็ญตบะโยคะ ทั้งทางจิต และในอาณาบริเวณที่ใช้ปฏิบัติภาวนา

พระองค์ประทานจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่ย่อท้อ ทรงเปิดเผยให้เห็นความจริงของโลก ทรงทำให้เกิดปัญญา และการเห็นแจ้งถึงความเป็นไปในชีวิตทั้งหมด

การบูชาพระองค์ จะทำให้ปลอดภัยจากเหล่ามารอาถรรพณ์ คุณไสยมนต์ดำ อำนาจลี้ลับทั้งปวง ทั้งยังได้รับพลังอำนาจ ในการยับยั้งศัตรูผู้ปองร้าย

ซึ่งการบูชาคุรุเทพทั้ง ๓ องค์ ให้บังเกิดผลในด้านต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด จะต้องจัดแท่นบูชาเป็นพิเศษเฉพาะทั้ง ๓ องค์ ตั้งไว้คนละด้านกับโต๊ะพระหลัก หรือแท่นบูชาเดิม

โดยมีเงื่อนไขในการบูชาดังต่อไปนี้

๑) ต้องเป็นบุคคลที่ยึดมั่นในศีลธรรม คุณธรรม พรหมวิหาร ๔ และ มีความละอายต่อบาป (หิริโอตตัปปะ)

๒) ประสบผลสำเร็จในการบูชาเทพ (ไม่จำกัดว่าต้องเป็นพระศิวะ พระสรัสวดี หรือพระตรีปุระสุนทรี) มาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓ ปี

โดยบูชาในฐานะปุถุชนคนธรรมดา ไม่ใช่ร่างทรง




๓) ไม่เป็นคนรักเพศเดียวกัน

๔) ต้องมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และเจตนารมณ์อันชัดเจน เคารพเชื่อถือในลำดับขั้นตอนต่างๆ โดยเคร่งครัด

การบูชา :

๑) เทวรูปทั้ง ๓ องค์จะต้องผ่านการเทวาภอเษกแล้ว อย่างสมบูรณ์ (ไม่ใช่แค่เบิกเนตร) และมีรูปแบบเดียวกัน เช่น เป็นปางประทับนั่งทั้ง๓ องค์ ทำด้วยวัสดุชนิดเดียวกัน วรรณะ (สี) ของเทวรูปใกล้เคียงกัน หรือสีเดียวกัน ศิลปะใกล้เคียงกันหรือศิลปะเดียวกัน สูงต่ำพอๆกัน และมีขนาดหน้าตักไม่น้อยกว่า ๓ นิ้ว

เทวรูปพระสรัสวดีที่จะบูชาเพื่อการนี้ ควรเป็นแบบที่ไม่ถือวีณา จะได้ผลที่ดีเยียม อย่างในภาพข้างบนนี้ครับ

เทวรูปพระตรีปุระสุนทรี ส่วนใหญ่ไม่มีแผ่นยันต์ศรีจักราดิดมากับเทวรูป ต้องจัดหา Meru Chakra อันเล็กๆ ที่ปลุกเสกแล้ว มาตั้งไว้หน้าเทวรูปด้วย

๒) ตั้งพระศิวะเป็นประธาน ขนาบด้วยพระสรัสวดี และพระตรีปุระสุนทรี โดยตั้งพระศิวะในลำดับสูงสุด แล้วจัดหาพระศิวะนาฏราชในขนาดย่อมลงมา สำหรับวางด้านหน้าพระศิวะ

โดยเมื่อวางแล้ว ประภาวลี (กรอบรูปวงกลม) ของพระศิวะนาฏราช จะต้องสูงไม่เกินพระนาภีของพระศิวะที่เป็นองค์ประธาน

๓) ตั้งแท่นในวันพฤหัสบดี เมื่อถึงเวลา ๒๒.๐๐ น. อัญเชิญพระคเณศจากแท่นบูชาหลัก มาตั้งไว้หน้าพระศิวะนาฏราช บูชาดวยมนต์ต่อไปนี้ :




คาถาบูชา

โอม ศรี คะเณศายะ นะมะ

ชะยะ คะเณศะ ชะยะ คะเณศะ ชะยะ คะเณศะฯ

บทสรรเสริญ

โอม คะชานะนัม ภูตะคะณาธิเสวิตัม

กะปิตถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม

โศกาวินาศะ การะกัม นะมามิ

วิฆะเนศะวะระ ปาทะปังกะชัมฯ

แล้วขอให้การบูชาพระศิวะ พระสรัสวดี และ พระตรีปุระสุนทรี จงสำเร็จ ได้รับพรวิเศษด้านพลังจิต เวทมนต์ และฤทธิ์ โดยข้ามพ้นอุปสรรค และความขัดข้องทุกประการ

๔) สวดบูชาพระศิวะ ด้วยมนต์ต่อไปนี้ :

คาถาบูชา

โอม นะมะ ศิวายะฯ

บทสรรเสริญ

ยา สฤษฏิ สะรัษฏุราทะยา วะหะติ วิธิหุตัม

ยา หะวิระ ยา จะ โหตรีเย เทวะกาลัม  วิธัตตะ ศะรุติวิษะยะคุณา

ยา สะถิตา วะยาปะยะ วิศะวัม ยามาหุ สะระวะพีชะประกฤติริติ

ยะยา ปะราณีนะ ปราณณะวันตะ ประตะยักษะภี ปะระปันนัส

ตะนุภิระวะตุ วัส ตาภิรัษษะฏาภิรีศะฯ

แล้วขอให้ประทานฤทธิ์ หรือพลังในการควบคุมสรรพสิ่ง

๕) สวดบูชาพระสรัสวดี ด้วยมนต์ต่อไปนี้ :

คาถาบูชา

โอม ชะยะ ศรี สะรัสวะตี มาฯ

บทสรรเสริญ

โอม สะรัสวะตี นะมัสตุภะยัม วะระเท

กามะรูปินี วิทยา อารัมภัม

การิษะยามิ สิทธิ ภะวะตุ เม สะทาฯ

นะโม ภะคะวะตี วามะวาทินี พรัหมาณี

พรัหมะรูปินี พฤดิจะรัทธิณี

มามะ วิทยา เทหิ เทหิ สะวาหะฯ

แล้วขอให้ประทานวาจาสิทธิ์ และการเข้าถึงเทวะทั้งปวง

๖) สวดบูชาพระตรีปุระสุนทรี ด้วยมนต์ต่อไปนี้ :

คาถาบูชา

โอม มะหาตรีปุระ สุนทะรายะ นะมะฯ

บทสรรเสริญ

โอม สะระวะนันทะมายี สะมัสตะชะคะตัม อานันทะ สันธายะนี

สะระโวตุงคะ สุวรรณะ ไศละ นิละยา สัมสาระ สากษี สะตี

สะระไวระโยคิจะไย สะไทวะ วิจิตะ สัมราชะยะ ธะนะ กะษะมา

ศรีจักราทิ นิวาสินี วิชะยะเต ศรีราชาราเชศะวะรีฯ

แล้วขอพลังแห่งศรีจักรา เพื่อป้องกันตัวจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง




ส่วนประกอบอื่นๆ ของแท่นบูชา ให้จัดตาม link นี้ครับ


เมื่ออัญเชืญและสาธยายมนต์-ขอพร ครบทุกองค์แล้ว รอจนธูปหมด กำยานหมด เป็นอันเสร็จพธี กล่าว โอม ชานติฯ๓ ครั้ง ปล่อยเทียนไว้จนหมดไปเอง

เช้าวันรุ่งขึ้น อัญเชิญพระคเณศกลับที่ประดิษฐานเดิม คงไว้เพียงพระศิวะ พระสรัสวดี และพระตรีปุระสุนทรีเท่านั้น

จากนั้นเมื่อถึงเวลา ๒๒.๐๐ น. ของทุกวัน จึงค่อยทำพิธีบูชาครั้งต่อไป โดยถวายแต่เทียน และกำยานครั้งละ ๑ ดอกเท่านั้น แล้วสวดบูชาพระศิวะ ด้วยมนต์ ศิวะ ปัญจากษระ สโตตรัม :




โอม นาเคนทะระ หะรายะ ตริโลจะนายะ
ภัสมังคะ ระคายะ มะเหศะวะรายะ
นิตะยายะ ศุทธายะ ทิฆัมพะรายะ
ตัสไม นะกะรายะ นะมะศิวายะฯ

มัณฑากินี สะลิละ จันทะนะ จะระจิตายะ
นันทีศะวะระ ปะระมาธะ นาถะ มะเหศะวะรายะ
มันทาระ ปุษะปะ พะหุ ปุษะปะ สุปูชิตายะ
ตัสไม มะการายะ นะมะศิวายะฯ

ศิวายะ เคารี วัททะนาระ วินทะ
สูระยายะ ทักษะ ทะวาระ นาศะกายะ
ศรี นีละ กัณฐายะ วฤษะ ธะวะชายะ
ตัสไม ศิกะรายะ นะมะศิวายะฯ

วะสิษฐะ กุมโภธะภาวะ เคาตะมาธิ
มุเนนทะระ เทวาระจิตะ เศขะรายะ
จันทราระกะ ไวศะวานะระ โลจะนายะ
ตัสไม วะกะรายะ นะมะศิวายะฯ

ยักษะ สะวะรูปายะ ชะฎาธะรายะ
ปินากะ หัสถัตตายะ สะนาตะนายะ
ทิวะยายะ เทวายะ ทิฆัมพะรายะ
ตัสไม ยะกะรายะ นะมะศิวายะฯ

แล้วนั่งสมาธิ เมื่อออกจากสมาธิแล้วจึงดับเทียน

การบำเพ็ญเพียร เพื่อให้ได้รับพรวิเศษด้านพลังจิต เวทมนต์ และฤทธิ์ เป็นการปฏิบัติในเรื่องที่ยาก และลึกซึ้ง

ถ้าในศาสตร์ของไทยเรา จะต้องมีครูบาอาจารย์คอยชี้แนะ ขัดเกลา ให้เป็นไปตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง จนบรรลุถึงสิ่งที่ปรารถนาในที่สุด




แต่ในการบูชาเทพ เพื่อความสำเร็จในเรื่องเดียวกันนี้ เรามีเพียงหนทางเดียว คือ ต้องเข้าถึงองค์เทพให้ได้ และต้องเข้าถึงพระองค์อย่างแท้จริง มิใช่อุปาทาน หรือคิดไปเอง

องค์เทพจะได้เสด็จมาประทานความรู้ คำแนะนำ นำพาเราข้ามพ้นจากความผิดพลาด และอุปสรรคต่างๆ ตั้งแต่พื้นฐาน พัฒนาขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น จนกระทั่งกายและจิตของเรา ถึงระดับที่จะรองรับบารมีในด้านพลังจิต เวทมนต์ และฤทธิ์ได้

ที่ต้องจำให้ขึ้นใจ คือ ไม่ใช่เรื่องสนุก สำหรับเอาไว้หาประสบการณ์ จะทำเล่นๆ ไม่ได้เป็นอันขาด

เพราะเมื่ออยากจะมี ในสิ่งที่คนธรรมดาไม่มี ก็จะต้องเสี่ยง ในสิ่งที่คนธรรมดาไม่จำเป็นต้องเสี่ยง

นั่นคือ ถ้าบูชาสำเร็จ ก็ได้ทุกอย่างตามต้องการ

ถ้าบูชาไม่สำเร็จ ก็อาจถึงขั้นเสียสติ กลายเป็นคนบ้า

พูดง่ายๆ คือ เมื่อเลือกหนทางนี้ ก็จะมีหนึ่งในสองอย่างนี้เท่านั้นแหละครับเป็นที่ไป จะคิดว่าแค่ลองดู ถ้าไม่สำเร็จก็เลิก แบบชิลล์ๆ ไม่เป็นอะไร ไม่ได้หรอกครับ

การที่จะบูชาให้สำเร็จ ผมเขียนไว้แล้วในหนังสือ คู่มือบูชาเทพ ฉบับสมบูรณ์ รวมทั้ง ในblog เดียวกันนี้มาตลอด ทั้งวิธีคิด และวิธีบูชา มีรายะเอียดมากมาย ไม่รู้จะเอามาย่อให้อ่านกันสั้นๆ ได้อย่างไร ต้องไปหาอ่านกันเอาเองครับ




ทีนี้ก็มีคำถามเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งผมขอนำมาตอบดังนี้

} พระพรหมอินเดียก็เป็นบิดาแห่งพระเวท ในเมื่อตั้งพระสรัสวดี ในฐานะมารดาแห่งพระเวท แล้วทำไมจึงไม่ตั้งพระพรหมด้วย?

คำตอบ : สายการบูชาพระพรหมอินเดียในปัจจุบัน ไม่มีการประทานพรทางด้านพลังจิต เวทมนต์ และฤทธิ์อีกต่อไปแล้วครับ เท่าที่มีอยู่ เป็นการบูชาเพื่อการหลุดพ้น หรือการบรรลุโมกษะมากกว่า

๒) พระนารายณ์ พระทุรคาก็เป็นเทพผู้ทรงฤทธิ์ ปราบอสูร แล้วทำไมจึงไม่ตั้งพระนารายณ์ พระทุรคาด้วย?

คำตอบ : ทั้งสององค์ทรงคุ้มครองผู้บูชาจากเหล่าอสูร ปีศาจ และคนชั่ว แต่มิได้ประทานพรให้ผู้บูชาพระองค์มีคุณวิเศษ หรือฤทธิ์ในด้านนี้แต่อย่างใด

๓) พระคเณศทรงเป็นปฐมบูชา สำหรับพิธีกรรมทุกอย่าง ทำไมจึงไม่ตั้งพระคเณศด้วย?

คำตอบ : ก็เพราะท่านทรงเป็นปฐมบูชา สำหรับทุกอย่างน่ะสิครับ

เมื่อบูชาท่านในตอนเริ่มต้นแล้ว ในการบูชาเพื่อผลในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ จึงไม่ต้องอัญเชิญท่านอีก

ก็เหมือนกับที่ผมโพสต์แท่นบูชาพระศิวะ กับพระกาลีไภรวีเพื่อปราบมาร ก็ไม่ต้องตั้งพระคเณศ

๔) การบูชาพระศิวะ พระสรัสวดี และพระตรีปุระสุนทรี ตามแนวทางนี้ จำเป็นต้องเป็นเทวรูปที่ผมเป็นคนทำพิธีเท่านั้นหรือไม่?

คำตอบ : ไม่จำเป็นครับ

แต่จะด้องไม่ใช่เทวรูปที่เสกแบบฮินดูทั่วไปในปัจจุบัน

และไม่ใช่เสกแบบไทย ยกเว้นถ้าเสกกันเป็นพิธีใหญ่ของเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ พระนคร ฃึ่งคงได้แต่ฝันละครับ เพราะเดี๋ยวนี้แค่เบิกเนตร เขาก็ไม่รับทำให้แล้ว

ดังนั้น ในกรณึของพระศิวะ ก็ต้องเป็นเทวรูปที่สร้างโดยเทวสถาน หรือสำนักของท่าน ที่เน้นทางสายฤาษีและโยคีโดยเฉพาะ ในอินเดียเหนือและใต้

พระสรัสวดี ก็เหมือนกัน ต้องเป็นสำนักของท่านที่เน้นสายฤาษี ซึ่งมีน้อยหายากครับ

พระตรีปุระสุนทรี ก็ต้องจากเทวสถานของท่านโดยตรง ในเมืองราชาราเชศวรัม ในอินเดียเช่นกันครับ

เพราะฉะนั้น ใครต้องการบูชาตามแนวทางที่ผมนำมาเผยแพร่ แต่ไม่ชอบหน้าผม หรือมองว่าผมคิดค่าพิธีแพง ก็ลองไปหาตามแหล่งที่ผมบอกมานี้ได้ครับ

แต่ถ้าจะให้ผมบอกละเอียด แต่ละแห่งชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร อยู่ที่ไหนกันบ้าง ผมขอผ่านนะครับ ไม่ใช่หน้าที่ผม





ครับ, ถ้ามีข้อสงสัยอะไรนอกเหนือจากนี้ ก็ไปคุยกับผมใน facebook

ถ้าใน blog นี้ ก็จะมีแต่แอดมินมาตอบเท่านั้น เพราะผมไม่ได้เล่น G Plus แล้ว จึงเข้ามาตอบอะไรไม่ได้

ขอความสำเร็จจงมีแก่ทุกคน ขอองค์พระศิวะ พระสรัสวดี และ พระตรีปุระสุนทรีทรงคุ้มครอง


.........................................


หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น