แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วามจารี แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วามจารี แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

พระแม่กาลี

บทความโดย กิตติ วัฒนะมหาตม์




พระแม่กาลี ทรงเป็นเทพปีศาจ ไม่ใช่เทพเจ้า ไม่ใช่เทพอสูร

เทพปีศาจ คือปีศาจ หรือผี คือดวงวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว ซึ่งได้รับการเซ่นสรวงบูชาจากคนรุ่นหลัง จนมีอิทธิฤทธิ์ มีพลังอำนาจเหนือกว่าภูตผีปีศาจทั่วไป สูงยิ่งกว่าพญาปีศาจ และในที่สุดอิทธิฤทธิ์นั้นแก่กล้าถึงชั้นเทพ

แต่อุปนิสัย และพฤติกรรมยังคงเป็นแบบปีศาจ คือมักสิงสู่อยู่ตามสถานที่ต่างๆ ในโลกมนุษย์ มีรูปประติมากรรมที่มนุษย์สร้างให้เป็นที่อาศัย คอยรับเครื่องเซ่นสังเวย ถ้าได้รับการสังเวยเป็นที่พอใจก็จะบันดาลอะไรๆ ให้ ตามกิเลสตัณหาของมนุษย์นั้นที่จะอ้อนวอนร้องขอ หรือบนบานศาลกล่าว

พฤติกรรมเช่นนี้ ทำให้แม้จะมีอิทธิฤทธิ์เสมอเทพ แต่สถานะทางวิญญาณไม่อาจเลื่อนขั้นเป็นเทพได้ เพราะขาดพรหมวิหาร ๔ อันเป็นคุณธรรมของเทพเจ้า จึงเรียกว่าเป็นเทพปีศาจ

จริงๆ แล้ว พฤติกรรมของพระแม่กาลี ดูเหมือนไปทางเทพอสูรมากครับ แต่ถ้าศึกษาให้ดีแล้ว ท่านคือปีศาจที่กลายมาเป็นเทพ ท่านไม่ใช่อสูร ยักษ์ หรือรากษสมาก่อน

ดังนั้นท่านไม่ได้มีภพภูมิของท่านต่างหาก เหมือนเทวดาหรือเทพอสูร ท่านสถิตอยู่ในโลกของเรา อยู่ในเทวาลัยที่เขาสร้างถวายท่าน เช่น ที่กัลกัตตา และทุกหนแห่งที่มีเทวรูปของท่าน ท่านก็แบ่งภาคไปสถิตได้ทั้งหมด

เพราะท่านเป็นปีศาจซึ่งเป็นชั้นเทพแล้ว ไม่เหมือนปีศาจชั้นสามัญทั่วไป ที่จะสิงอยู่ได้เพียงในรูปปั้นรูปเดียว




การบูชาพระแม่กาลี ตามลัทธิเดิมนั้น จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับการบูชาเจ้าแม่แห่งความอุดมสมบูรณ์ทั่วโลกละครับ คือ

๑) บูชาด้วยการถวายอาหาร ซึ่งประกอบด้วยเนื้อสัตว์ เหล้า และพืชผลทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวได้ในปีนั้น

๒) บูชาด้วยการสังเวยชีวิตสัตว์ และมนุษย์

๓) บูชาด้วยการถวายเซ็กซ์ หรือ กามบูชา คือคัดเลือกหนุ่มสาวในหมู่บ้านหรือชนเผ่า มาเสพสังวาสกันถวาย หรือหัวหน้าเผ่า (บางทีเป็นหมอผีประจำเผ่า) สมสู่กับผู้หญิงในเผ่าที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว ต่อหน้าเทวรูป

ทั้งนี้ก็เพราะเชื่อกันว่า พระแม่กาลีทรงโปรดการบูชายัญและการเสพเมถุน ดังนั้นการประกอบกิจดังกล่าวจึงทำให้พอพระทัย

ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ล้วนแต่เป็นพิธีกรรมเพื่อให้เกิดผลทางด้านความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งคนโบราณทั่วโลกมีทรรศนะไม่แตกต่างกัน

ความอุดมสมบูรณ์เกิดจากเลือดและความตาย คือ ซากศพของสิ่งที่เคยมีชีวิต ย่อยสลายไปในดินกลายเป็นปุ๋ย ให้พืชพรรณได้เจริญเติบโต ถ้าไม่มีการตาย ก็ไม่มีการเกิดใหม่ และวิธีที่จะทำให้มีการเกิดใหม่ ก็คือการสังวาสกันระหว่างชายหญิง เท่านั้นละครับ




ในช่วงก่อนการครอบงำของศาสนาฮินดู พิธีบูชาพระแม่กาลีสายหลัก หรือสำนักใหญ่ๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันนั้น มีเป็นลำดับขั้นตอน ๕ ประการ คือ

ดื่มน้ำเมา (มัตยะ) - บริโภคเนื้อสัตว์สดๆ (มางสะ) - สาธยายมนตร์ปลุกกำหนัด (มนตร์) - ร่ายรำด้วยลีลายั่วยวนเร่งเร้าความรู้สึกทางเพศ (มุทรา) และร่วมเพศ (ไมถุน)

พิธีบูชาในลักษณะนี้ ทำกันตามเทวาลัยที่นิยมบูชาเจ้าแม่กาลีในเวลาเที่ยงคืนครับ บางพวกนิยมทำในที่ลับ บางพวกนิยมทำในที่เปิดเผย

พวกที่ปฏิบัติโดยเน้นกามารมณ์มาก จนถึงขั้นเชื่อว่า การสังวาสของคนในครอบครัวเดียวกันถวายพระแม่กาลีจะได้บุญมาก เรียกว่า วามจารี ส่วนพวกปฏิบัติอย่างสุภาพก็เรียกว่า ทักษิณจารี

เมื่อศาสนาฮินดูครอบงำลัทธิบูชาพระแม่กาลี ฮินดูทั้งไศวะนิกาย และนิกายศักติพยายามเปลี่ยนความเชื่อของสาวกพระแม่กาลีเสียใหม่ ว่าเป็นการแบ่งภาคของพระอุมา แล้วเปลี่ยนวิธีบูชาให้เป็นแบบเทพฮินดูทั่วไป 

คือ ถวายอาหารมังสวิรัติ เลิกการถวายเซ็กซ์ เปลี่ยนเป็นการสวดภาวนา การเต้นรำ และการตกแต่งเทวรูปด้วยเครื่องทรงต่างๆ

ผลก็คือ บูชาแล้วไม่ได้อะไร นอกจากอุปาทานเพ้อเจ้อ แบบในหนังแขกละครับ

ส่วนคนที่บูชาตามลัทธิเดิมก็ยังได้ผลกันอยู่ เพียงแต่เลิกการบูชายัญด้วยมนุษย์ ใช้วิธีเชือดแพะถวายแทน ดังเทวสถานพระแม่กาลีไม่ว่าที่กัลกัตตาหรือที่ไหนๆ ก็ยังคงสืบทอดการบูชายัญเช่นนี้มาจนถึงปัจจุบัน ฮินดูกระแสหลักต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะห้ามไม่ได้

ส่วนพิธีกรรมอีกอย่างหนึ่ง ที่เป็นสัญลักษณ์ของพระแม่กาลี คือการถวายเซ็กซ์นั้น ปรากฏว่า พราหมณ์ต้องใช้เวลาเป็นร้อยๆ ปีครับ กว่าจะยกเลิกพิธีกรรมเหล่านี้ได้อย่างเป็นทางการ

เป็นทางการ คือ ไม่ทำกันแล้วในเทวสถานใหญ่ๆ ที่สาธารณชนต่างความเชื่อเข้าถึงได้ แต่ยังคงแอบทำกันอยู่จนทุกวันนี้ในเทวาลัยเล็กๆ ตามป่าเขาชนบท

แล้วก็ยังรักษาไว้เหมือนช่วงก่อนถูกศาสนาฮินดูครอบงำละครับ ไม่เว้นแม้แต่การสมสู่ของคนในครอบครัวกันเอง อย่างที่พวกวามจารีคิดว่าได้บุญมากนั้น 

ทั้งๆ ที่ถ้าจะวิพากษ์กัน ด้วยแก่นสารของลัทธิเดิมแห่งองค์พระแม่กาลีแล้ว นับว่าเป็นเรื่องของพิธีกรรมที่เลยเถิด จนกลายเป็นความงมงาย ซึ่งไม่ได้บุญเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

เนื่องจากตามลัทธิเดิมนั้น เขาคัดเอาคนที่จะถวายกามบูชาเฉพาะกับคนที่ลักษณะดี หรือหล่อๆ สวยๆ เท่านั้น

ก็เพราะเหตุว่า ชายหญิงที่มีรูปร่างหน้าตาดี สมบูรณ์แบบ ย่อมทำให้เกิดปราณแห่งความอุดมสมบูรณ์มากกว่าใครก็ได้ หรือคนในครอบครัวเดียวกันครับ




ผู้เชี่ยวชาญทางเทวศาสตร์อินเดีย ยังบอกด้วยว่า ที่จริงแม้แต่การบูชาสัตว์ด้วยการเชือดสดๆ ถวายนั้น ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปในยุคปัจจุบันนี้ เพราะเรามีโรงฆ่าสัตว์คอยผลิตอาหารที่สะดวกในการบูชาอยู่แล้ว ดังนั้น แม้แต่ชาวไร่ชาวนาก็ไม่จำเป็นต้องเชือดสัตว์ถวาย เพื่อให้ได้ผลในด้านความอุดมสมบูรณ์ แค่ถวายอาหารคาวที่กินกันอยู่ทั่วไปก็พอครับ

ผมเคยได้รับคำถามจากคนที่อยากบูชาพระแม่กาลี แต่ยังกล้าๆ กลัวๆ ว่า มีเกจิอาจารย์บางสำนักกล่าวว่าไม่ควรบูชาพระแม่กาลีในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเทวรูป หรือรูปภาพ เพราะท่านมีธาตุไฟมาก อาจทำให้เกิดสิ่งไม่ดี คนอินเดียบางคนเขาก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน อยากทราบว่าจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร

คำตอบของผมเป็นอย่างนี้ครับ,

๑) การบูชาพระแม่กาลี ถ้าจะบูชาให้ได้ผลจริงๆ ต้องบูชาตามลัทธิเดิม ดังที่ได้อธิบายไปแล้ว ซึ่งในแง่หนึ่งก็เปรียบเหมือนการบูชาราหู

คือ อาจจะทำให้เกิดความลุ่มหลง มัวเมา และมักจะทำให้ผู้บูชาใจร้อนขึ้น เอาแต่ใจตัวเองมากขึ้น และเริ่มจะไม่เห็นคนอื่นในสายตา เวลามีเรื่องกับใครก็ไม่ยอมกัน จะเอาชนะให้ได้ ไม่มีการใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

พูดง่ายๆ คือ ทำให้ผู้บูชานิยมความรุนแรงมากขึ้นแน่นอนครับ

ลักษณะแบบนี้ ถ้าเกิดกับคนในครอบครัวเดียวกันก็ลำบาก ทำให้ในบ้านไม่ค่อยปรองดองกัน ทะเลาะกันง่าย

๒) การบูชาพระแม่กาลี ด้วยการถวายเซ็กซ์ หรือกามบูชา มักมีผลทำให้ผู้บูชามีตัณหาแรงขึ้น หรือได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกามารมณ์มากขึ้น

ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดกับสามีภรรยา ที่ชีวิตคู่ราบเรียบจืดๆ ชืดๆ ก็อาจทำให้เกิดสมดุลย์ขึ้นได้ แต่ถ้ามากเกินไป ก็อาจทำให้แต่ละฝ่ายเริ่มคิดจะแสวงหาความตื่นเต้นใหม่ๆ กับคนนอกบ้าน ทีนี้ก็จะอันตรายละครับ

๓) แต่ในแง่ที่หลายๆ คนชอบก็คือ พระแม่กาลีจะคุ้มครองผู้บูชาให้สมหวังในเรื่องเซ็กซ์ระดับหนึ่ง ถ้าไม่ผิดศีลธรรม เช่น แย่งคนรักของคนอื่น

ได้ความสุข สนุก พอใจในเรื่องนี้ ตามอัตภาพที่ควรได้ โดยไม่ติดโรค ไม่เสียสุขภาพ ไม่พบเจอคนที่ไม่ดี หรือคนที่จะนำปัญหามาให้

ท่านเป็นเทพที่เหมาะกับผู้บูชาที่ชอบการมีเซ็กซ์โดยไม่มีความผูกพัน ขณะเดียวกันก็เป็นเทพที่ช่วยทำลายคุณไสยทางด้านเสน่ห์ได้ดี

๔) พระแม่กาลี ยังเป็นเทพองค์เดียวเท่านั้นที่คอยดูแลปกป้องอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้บูชาเป็นหลัก จนพูดได้ว่า ผู้บูชาที่เข้าถึงท่าน จะไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บใดๆ เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ของร่างกายทั้งระบบเลย

ซึ่งในยุคปัจจุบันนี้ โรคภัยเกี่ยวกับอวัยวะส่วนนี้ของคนเราเพิ่มมากขึ้น จนถึงระดับที่เป็นปัญหาในทางสาธารณสุขแล้วนะครับ ในขณะที่ถ้าจะพูดถึงกระแสพลังจากเทพองค์อื่นในด้านสุขภาพ ท่านจะดูแลในภาพรวมมากกว่า




๕) อีกอย่าง พระแม่กาลีท่านใจนักเลงครับ เวลาคุ้มครองแล้วคุ้มครองจริง ใครจะมาเบียดเบียนให้ผู้บูชาท่านได้รับทุกขเวทนาด้วยประการต่างๆ ท่านจะทำลายผู้นั้น ใครเป็นศัตรูกับผู้บูชาท่าน คนนั้นจะโชคร้ายในที่สุด

เวลาผู้บูชาอยากได้อะไร ถ้ากล้าขอท่านก็กล้าให้ แต่ต้องมีของไปแลก

เช่นสมมุติว่า คุณอยากมีความก้าวหน้าในด้านการงาน คุณขอท่านท่านก็ให้ ให้โดยการขจัดคนที่ขวางทางคุณอยู่ออกไป ซึ่งมีตั้งแต่อย่างเบา คือได้งานใหม่ย้ายไปทำงานที่อื่น ไปจนถึงอย่างหนัก คือ เกิดเรื่องอื้อฉาว หรือเกิดการบาดเจ็บ ทุพพลภาพจนไม่อาจทำงานต่อไปได้

เพราะวิธีแก้ปัญหาของท่านเป็นแบบโผงผางครับ เรื่องที่จะประนีประนอมหรือบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นนั้นไม่มี

ผมจึงฟันธงไม่ได้หรอกครับ ว่าควรบูชาหรือไม่ควรบูชา เพราะกับหลายๆ คนเขาก็เหมาะสมที่จะบูชาเทพแบบนี้ เป็นเทพที่ตรงกับจริตนิสัยของเขา 

เทพเจ้าส่วนใหญ่จะนุ่มนวล ท่านมักไม่ใช้เทวานุภาพเพื่อให้เกิดผลด้านลบต่อสิ่งใดๆ แม้กับคนชั่วก็ตาม ท่านเลือกที่จะปกป้องคุ้มครองผู้บูชาท่าน จากการเบียดเบียนของคนชั่วเหล่านั้นมากกว่า ถ้าผู้บูชาต้องพบกับปฏิปักษ์ที่ชั่วช้าไร้ยางอายอย่างแท้จริง บางทีความนุ่มนวลก็นำมาซึ่งผลที่ช้าเกินไป

คนสมัยนี้นะครับ พวกเราก็เห็นอยู่ว่าเป็นคนนิสัยอสูร ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้น พบเห็นได้ทั่วไป ขณะที่คนนิสัยเทพ คือมีพรหมวิหาร ๔ และมีความละอายต่อบาป ยิ่งน้อยลงๆ

เมื่อต้องพบเจอกับคนนิสัยอสูร ที่พูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง ต้องให้ใช้ความรุนแรง หรือถ้าถูกเบียดเบียนมาก หลีกเลี่ยงไม่ไหวจริงๆ ก็จำเป็นต้องเอาความรุนแรงเข้าสู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่อาจร้องขอจากการบูชาเทพทั่วไปได้ เดี๋ยวนี้หลายๆ คนเลยหันมาบูชาพระแม่กาลี เพื่อปราบอสูร

แต่ที่ต้องระวังให้จงหนักก็คือ ผู้บูชาพระแม่กาลี จะมีจำนวนมากเลยน่ะสิครับ ที่เป็นคนนิสัยอสูรเสียเอง





ดูง่ายๆ สาวกพระแม่กาลีส่วนหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือพวกเกย์ เพราะในแง่หนึ่ง คนพวกนี้โดยมากทีเดียวที่มักจะมีอุปาทานบางอย่าง คล้ายกับคนที่ชอบบูชายักษ์ หรือบูชาราหู คือชอบของแรงและเป็นอันตราย

พวกนี้หวังโชคลาภในแบบที่ได้มาด้วยการเสี่ยง และมักเป็นพวกที่มีโทสะแรง อาฆาตพยาบาท เกลียดใครก็ปรารถนาให้คนผู้นั้นได้รับความวิบัติทันตาเห็น หรือได้รับทุกขเวทนาตามที่ตนต้องการ

ในขณะเดียวกัน คนเหล่านี้จำนวนไม่น้อยทีเดียวที่ตัณหาแรงกล้า มัวเมาในเรื่องเซ็กซ์ตลอดเวลา หลายๆ คนก็ทำถึงขนาดแย่งชิงคนรักของผู้อื่น หรือทำลายครอบครัวของใครก็ได้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ก็มีให้เห็นกันอยู่เสมอ เป็นข้อเท็จจริงที่สังคมชาวเกย์ด้วยกันก็ไม่ปฏิเสธ

คนเหล่านี้คิดว่า พวกเขาไม่อาจได้รับผลในเรื่องเช่นนี้ได้จากการบูชาเทพองค์อื่น นอกจากพระแม่กาลี เพราะพระแม่กาลีท่านเป็นเทพปีศาจ พวกเขาจึงคิดว่าท่านไม่คำนึงถึงศีลธรรมใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าไหว้ดีพลีถูกท่านพอใจท่านก็ช่วยให้สมหวัง พวกเกย์จึงนิยมบูชาพระแม่กาลีดังกล่าวแล้ว




ซึ่งผมขอยืนยันไว้ ณ ที่นี้ว่า เป็นความคิดทิ่ผิด

เพราะในความเป็นจริง พระแม่กาลีมิใช่ว่าไม่คำนึงถึงศีลธรรมนะครับ 

ท่านเพียงแต่ไม่สนใจศีลธรรมในลักษณะที่ กระแดะหรือ ดัดจริตเท่านั้น

ส่วนศีลธรรมในระดับพื้นฐาน เช่นการที่ใครบูชาท่าน แล้วจะเอาท่านเป็นกำลังใจในการไปสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น โดยที่เขาเหล่านั้นมิได้เป็นฝ่ายกระทำก่อน ถ้าอย่างนั้นพระแม่ก็จะไม่ทรงคุ้มครองผู้บูชาท่านแต่อย่างใด

เห็นเทวรูปท่านเปลือย กับสีดำ ก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านชอบมนต์ดำนะครับ ดังนั้นใครที่บูชาท่าน อยากได้รับการคุ้มครองจากท่าน ต้องห่างๆ เครื่องรางเสน่ห์แนวมนต์ดำ รวมทั้งพวกกุมารทอง โหงพราย หุ่นพยนต์ไว้ด้วย


...........................



หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด