แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ องค์เทพ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ องค์เทพ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

รวมคาถาบูชาเทพอินเดีย


บทความโดย กิตติ วัฒนะมหาตม์




โดยปกติ ผมมักจะได้รับการสอบถามเกี่ยวกับมนต์คาถาต่างๆ ในการบูชาเทพ อย่างสม่ำเสมอ

ซึ่งนับได้ว่า เป็นคำถามยอดฮิตที่มาถึงผม มากพอๆ กับวิธีบูชา และการจัดแท่นบูชาครับ

และที่ผ่านมา ผมก็มักจะให้ไปดูจากในหนังสือ คู่มือบูชาเทพ ฉบับสมบูรณ์ ซึ่งผมรวบรวมทั้ง ๓ สิ่งที่ว่ามานี้ ไว้อย่างครบถ้วนแล้ว

หนังสือดังกล่าว ตีพิมพ์ครั้งล่าสุดเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๔ มาบัดนี้เริ่มหาซื้อยาก แม้แต่ที่สำนักพิมพ์ก็หมด คงเหลือตกค้างตามร้านหนังสือบางร้าน และบางเว็บไซต์ที่ขายหนังสือเก่าเท่านั้น

ดังนั้น ผมจึงทยอยนำเนื้อหาจากหนังสือดังกล่าว มาโพสต์ใน blog นี้ ผู้ที่ติดตามเป็นประจำ ก็คงจะเคยเห็นกันอยู่

คราวนี้ละครับ ก็จะประมวลคาถาสำคัญ ที่ใช้ในการบูชาเทพอินเดีย ๑๗ องค์ ทั้งหัวใจคาถา และบทสรรเสริญ ซึ่งบางองค์ก็ไม่มีในหนังสือเล่มนั้นนะครับ




เวลาใครถาม ผมจะได้ให้มาดูที่บทความนี้ ไม่ต้องคอยตอบอีก

เพราะเดี๋ยวนี้ ผมมีเวลาน้อยลง ไม่ว่าง และไม่ได้ประโยชน์อะไร กับการที่จะต้องคอยตอบคำถามยิบย่อย อย่างเรื่องของมนต์คาถาเหล่านี้

แล้วใครก็อย่ามาว่าผมไม่เสียสละนะครับ ผมเสียสละมามากแล้ว

ที่เอาเนื้อหาในหนังสือที่จะขายกินได้อีกนาน มาทำเป็นบทความให้อ่านกันฟรีๆ อย่างนี้ ไม่เรียกว่าเสียสละ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วเหมือนกันนะ

และก่อนจะเข้าเรื่อง ขอเตือนให้รับทราบร่วมกันนะครับ

มนต์คาถาต่อไปนี้ บางบทเป็นสายวิชาที่สืบทอดกันมาในสำนักของผมเท่านั้น ผมเอามาเผยแพร่ให้ใช้กันฟรีๆ เป็นธรรมทาน ก็โปรดนำไปใช้กันด้วยความสุจริต

ถ้าจะนำไปเผยแพร่ต่อ ก็อย่าลืมใส่ URL ของบทความ ตามเงื่อนไขข้างล่าง ท้ายบทความ

URL นะครับ ไม่ใช่บอกแค่ชื่อบทความแบบมักง่าย แล้วไม่บอกที่มาที่ไป 

แบบนั้นทั้งคนที่นำไปเผยแพร่ และคนที่นำไปใช้ จะใช้คาถาเหล่านี้ไม่สำเร็จ เพราะมนต์ทุกบท มีครูกำกับอยู่

มีครูกำกับ หมายความว่า จะต้องมีการให้ และรับ อย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เท่านั้นครับ

เอาละครับ, เข้าเรื่องกันเลย




คาถาบูชาพระคเณศ

โอม ศรี คะเณศายะ นะมะ
ชะยะ คะเณศะ ชะยะ คะเณศะ ชะยะ คะเณศะฯ

บทสรรเสริญพระคเณศ

โอม คะชานะนัม ภูตะคะณาธิเสวิตัม 
กะปิตถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม 
โศกาวินาศะ การะกัม นะมามิ 
วิฆะเนศะวะระ ปาทะปังกะชัมฯ




คาถาบูชาพระพรหม (อินเดีย)

โอม พรัหมมะเทวายะ นะมะฯ

บทสรรเสริญพระพรหม (อินเดีย)

โอม สะระวัม กัลวิไท พรัหมมา
โอม สัตยัม คะณัม อานันทัม พรัหมมา
โอม สัตยัม คะณัม อานันตัม พรัหมมา
โอม สัตยัม คะณัม อามฤตัม พรัหมมา
โอม สัตยัม คะณัม อาโภยัม พรัหมมา
โอม มะยามัต มะหาพรัหมมา
โอม ปรัชญานัม อานันทัม พรัหมมา
โอม ตัตสัต โอมฯ




คาถาบูชาพระสรัสวดี

โอม ชะยะ ศรี สะรัสวะตี มาฯ

บทสรรเสริญพระสรัสวดี

โอม สะรัสวะตี นะมัสตุภะยัม วะระเท
กามะรูปินี วิทยา อารัมภัม
การิษะยามิ สิทธิ ภะวะตุ เม สะทาฯ




คาถาบูชาพระวิษณุ

โอม นะโม นารายะณายะ นะมะฯ

ทสรรเสริญพระวิษณุ

สะศางขะจักรัม สะกิรีฎะกุณฑะลัม
สะปีตะวัสตรัม สะระสิรุเหกะษะฌัม
สะหาระวักษะ สะถะละ เกาสะตุภะศะริยัม
นะมามิ วิษะณุม ศิระสา จะตุระภุชัมฯ




คาถาบูชาพระลักษมี

โอม ชะยะ ศรี ลักษะมี มาตาฯ

บทสรรเสริญพระลักษมี

โอม วิษะณุปรีเย นะมัสตุภะยัม นะมัสตุภะยัม ชะคัทธิเต
อาระตะหันตริ นะมัสตุภะยัม สัมฤทธิม กุรุเม สะทา
นะโมสะเตสะตุ มะหามาเย ศรีปิเฐ สุระ ปูชิเต
สังขะ จักระ คะฑา หัสเต มะหาลักษะมี นะโม สะตุเตฯ




คาถาบูชาพระศิวะ

โอม นะมะ ศิวายะฯ

บทสรรเสริญพระศิวะ

ยา สฤษฏิ สะรัษฏุราทะยา วะหะติ วิธิหุตัม
ยา หะวิระ ยา จะ โหตรีเย เทวะกาลัม
วิธัตตะ ศะรุติวิษะยะคุณา
ยา สะถิตา วะยาปะยะ วิศะวัม ยามาหุ
สะระวะพีชะประกฤติริติ ยะยา ปะราณีนะ
ปราณณะวันตะ ประตะยักษะภี ปะระปันนัส
ตะนุภิระวะตุ วัส ตาภิรัษษะฏาภิรีศะฯ




คาถาบูชาพระอุมา

โอม ชะยะ ปาระวะตี นะโม นะมะฯ

บทสรรเสริญพระอุมา

โอม พันธูกะ วะระณาม อะรุณัม สุคะตรัม
สัมภูมะ สะมุทิษยา  สะไนรูเปตัม
อัมโพชะ มฤตวีม อะภิลาศะ ทัตตรีม
สัมภาวะเย นิระชะระ ธารุ กัลปัมฯ




คาถาบูชาพระทุรคา

โอม ศรี ทุระคา นะโม นะมะฯ

บทสรรเสริญพระทุรคา

โอม ชะยะ มะหิษะ วิมรรธะนี ศูละกาเร
ชะยะ โลกะ สะมัสตะกะ ปาปะหะเร
ชะยะ เทวี ปิตามะหะ วิษะณุนุเต
ชะยะ ภัสการะ สะกระ ศิโรอะวะนะเตฯ




คาถาบูชาพระตรีปุระสุนทรี

โอม มะหาตรีปุระสุนทะรายะ นะมะฯ

บทสรรเสริญพระตรีปุระสุนทรี

โอม สะระวะนันทะมายี สะมัสตะชะคะตัม อานันทะ สันธายะนี
สะระโวตุงคะ สุวรรณะ ไศละ นิละยา สัมสาระ สากษี สะตี
สะระไวระโยคิจะไย สะไทวะ วิจิตะ สัมราชะยะ ธะนะ กะษะมา
ศรีจักราทิ นิวาสินี วิชะยะเต ศรีราชาราเชศะวะรีฯ




คาถาบูชาพระกาลี

โอม กาลี มาฯ

บทสรรเสริญพระกาลี

โอม ชะยะตี มะหากาลี 
ชะยะตี อาธะยะ กาลี มาตา
ชะยะรูปะ ประจันทิกา มะหากาลิกะ เทวี
ชะยะตี รักตาสะนะ เราทะระมุขี
รุทะรานี อะริ โศณิต ขะไประ ภะระนี
ขัททะคะ ธาระณี ศุจี ปาณนีฯ




คาถาบูชาพระกฤษณะ

โอม ศรี กฤษะณายะ นะมะฯ

บทสรรเสริญพระกฤษณะ

ยา สิษตะ รักษะณาปาระ กะรุณัมพุราสิ
ทุษฏาสุราม สันรุปะฏีนะวินิคฤหะ
ยา สุรัณ กัษตัม ทาสัม อาปะนุตัณฑะสาระ
ปฤถิวาย ปุษติม ทะทัตตุ 
สะหะริ กุละไทวะตัม นาฯ




คาถาบูชาพระราธา

โอม ศรี มัทราธะรานี นะโม นะมะฯ

บทสรรเสริญพระราธา

โอม ตะวัม เทวี ชะคะตาม มาตา วิษะณุมายา สะนาตะนี
กฤษณะปราณาธิเทวี จะ กฤษณะปราณาธิกา ศุภา
กฤษณะเปรมะมายี ศักติ กฤษณะเสาวะภาคะยะรูปินี
กฤษณะภักตีประเท ราเธ นะมัสเต มังคะละประเทฯ




คาถาบูชาพระราม

โอม ศรีรามฯ

บทสรรเสริญพระราม

โอม อะกะนิฐะ คุณะ มาปะราเมยะ มัธยัม
สะกะลา ชะคัต สะถิติ สัมยะมาธิ เหตัม
อุปะระมามะปะรัม ปะรัตมะ ภูตัม
สะตะตะมาหัม ปราโณโตสะมิ รามะจันทะรัมฯ




คาถาบูชาพระสกันท์

โอม ศรี ศะระวัณ ภะวายะ นะมะฯ

บทสรรเสริญพระสกันท์

โอม สินธูระ อะรุณะ อินทุ กัณฐิ วะทะนัม เกยุระ หะราธิปี
ทิวะไยรฺ อะภะระไน วิภูษิตะ ตะนุม สะวรรคาธิ เสาขะยะประธัม
อัมโภชะ ภะยะ ศักติ กุกกาทะ ธารัม รักตางคะ ระโกชชะวะลัม
สุพรัหมมัณยัม อุปาสะมะเห ประณามะตัม 
ภีติ ประโณโสธะยะตัมฯ




คาถาบูชาพระคงคา

โอม คังเค มาม ปะวายะ นะมะฯ

บทสรรเสริญพระคงคา

โอม เทวี สุเรศะวะรี ภะคะวะตี คังเค
ตริภูวะณะ ธาริณี ตาราละ ตารางเค
ศังการะ เมาลี วิหาริณี วิมาเล
มามะ มะตีราสตาม ตะวะ ปาทะ กะมะเลฯ




คาถาบูชาพระมนัสเทวี (มนสาเทวี)

โอม มะนะสะ เทวะยายะ นะมะฯ

บทสรรเสริญพระมนัสเทวี (มนสาเทวี)

โอม อัสติกัสวะ มุเนระมาตา โยคินี วาสุกีสะทัตตะ
ชะรัตคุรุ มุเน ปัตนี มา มะนะสะ เทวี นะมะสะตุเตฯ




คาถาบูชาพระหนุมาน

โอม ศรี หะนุมะเต นะมะฯ

บทสรรเสริญพระหนุมาน

โอม อักษาธิ รักษาสะ หะรัม
ทะศะ กัณฑะ ทรรปา นิระมูลานัม
ระฆุวะรางครี สะโรชะ ภักตัม
สีตา วิศายะฆะนะ ทุกขะ นิวาระกัม ตัม
วาโย สุตะ คะลิตะ ภาณุ มะหัม นะมามิฯ


ถ้าใครดูแล้ว สงสัยว่า ทำไมไม่มีมนต์บทนั้น ทำไมไม่ใช้มนต์บทนี้ฯลฯ

ตอบสั้นๆ ครับ คือ สายวิชาผมใช้อย่างนี้แหละ

ใครรู้จักสายอื่นอยู่แล้ว ก็ใช้สายอื่น บทความนี้ผมทำไว้ให้สาธารณชนทั่วไป ที่ไม่เป็นศิษย์สำนักใด หรือไม่เก่งคาถาอาคมครับ

ในโอกาสต่อไป ผมตั้งใจไว้ว่าจะประมวลคาถาบูชาเทพในศาสนาพุทธ และเทพพื้นเมืองของไทย ตลอดจนอดีตกษัตริย์และราชนารี ซีงไม่มีในหนังสือ คู่มือบูชาเทพ ฉบับสมบูรณ์

ซึ่งถ้าได้โพสต์เมื่อไหร่ ก็หวังว่าจะเป็นที่พอใจกันนะครับ


.........................................



หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

ปิดทองรูปเคารพ

บทความโดย กิตติ วัฒนะมหาตม์





ทุกครั้งที่ผมเห็นพระพุทธรูป หรือเทวรูปที่ถูกปิดทองโดยผู้ศรัทธาจนเต็มไปหมด จะมีความรู้สึกขัดนัยน์ตาเป็นที่สุด

ทองคำเปลวถูกปิดด้วยแรงศรัทธาก็จริง แต่ต่างคนต่างปิดกันอย่างไร้ระเบียบ หรือมักง่าย ตรงไหนว่างก็ปิดเข้าไป ไม่ว่างก็ขยี้ซ้ำเข้าไป จนดูรกรุงรังไปหมด มองไม่เห็นความสวยงามของรูปเคารพที่ช่างได้อุตส่าห์บรรจงรังสรรค์ขึ้นมาเลยสักนิด

ธรรมเนียมการปิดทองรูปเคารพแบบที่ใครก็ได้มาช่วยกันทำเช่นนี้ เป็นธรรมเนียมที่เก่าแก่มาก เฉพาะในเมืองไทยของเรา อย่างน้อยก็มีอยู่ในจารึกบนฐานพระพุทธรูปยืนสมัยทวารวดีที่ วัดข่อย จ.ลพบุรี อายุไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ปี มาแล้ว กล่าวถึงเทศกาลงานบุญในสมัยนั้นว่า ผู้มีศักดิ์ตระกูลหนึ่ง และญาติวงศ์ช่วยกันสร้างพระพุทธรูปแล้วเฉลิมฉลอง เกิดความปีติในการร่วมกันทำพระพุทธรูปให้ "เปล่งปลั่ง " น่าเลื่อมใส

ทำพระพุทธรูปให้เปล่งปลั่ง โบราณท่านหมายถึงการปิดทองนั่นเอง

และเทคนิคการปิดทองตั้งแต่สมัยโบราณ จนถึงสมัยของเราก็คือเทคนิคเดียวกันครับ คือการปิดทองคำเปลวลงบนรูปเคารพด้วยมือ จะเป็นรูปเคารพที่ทำด้วยไม้ก็ได้ ปูนก็ได้ หินก็ได้ หรือโลหะก็ได้ แต่ถ้าเป็นไม้และโลหะ นิยมใช้วิธีลงรักปิดทองมากกว่าปิดทองอย่างเดียว




ทองคำเปลวนี้ เป็นอัจฉริยภาพอันหนึ่งของช่างทองไทยเราแต่โบราณ ในการคิดค้นเทคนิคการตีแผ่นทองคำให้บางยิ่งกว่ากระดาษ มีไม่กี่ชนชาติในโลกหรอกครับที่ทำได้อย่างนี้

และมูลเหตุที่เกิดประเพณีนิยมอย่างนี้ ก็เพราะโบราณท่านรู้กันว่า การตกแต่งรูปเคารพนั้น มีผลให้เกิดสิริมงคลแก่ผู้กระทำเป็นอย่างยิ่ง

เพราะรูปเคารพ คือตัวแทนที่รับเอาพลังจิตและการปฏิบัติบูชาของเราไปสู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และถ่ายทอดพลังอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นกลับมาหาเราโดยตรง

การสร้างรูปเคารพ จึงต้องทำกันอย่างเต็มฝีมือของผู้สร้าง ทำกันให้งามเท่าที่จะงามได้ เพราะเกี่ยวเนื่องกับของสูง นอกจากจะสวยงามแล้วยังไม่พอ พุทธลักษณะหรือเทวลักษณะต้องไม่คลาดเคลื่อน องคาพยพต้องชัดเจน จึงจะเป็นตัวแทนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้




เมื่อเป็นเช่นนี้ การประดับประดาตกแต่งรูปเคารพจึงควรกระทำเพื่อให้ความสวยงามนั้นเพิ่มมากขึ้น โดยที่ความคมชัดขององค์ประกอบต่างๆ ก็จะต้องรักษาไว้ได้ด้วยในขณะเดียวกัน

เพราะถ้าส่วนหนึ่งส่วนใดถูกปิดบังหรือเสียหาย รูปเคารพนั้นก็จะขาดความสมบูรณ์ในการสื่อผ่านระหว่างเรากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้น แม้คนโบราณจะปิดทองรูปเคารพเหมือนกับที่เราทำ แต่ความประณีตนั้นแตกต่างกับเราอย่างสิ้นเชิง

คนโบราณเมื่อปิดทองพระ จะบรรจงปิดแผ่นทองคำเปลวอย่างเป็นระเบียบ และปิดต่อเนื่องกันไป สมมุติว่าคนที่มาก่อนปิดไว้ตรงพระบาท คนที่มาทีหลังก็จะปิดจากพระบาทนั้นไล่ขึ้นไป ไม่ใช่มาถึงก็แปะลงไปบนพระพักตร์เลย

และเมื่อทองถูกปิดเต็มองค์พระ ก็จะมีช่างมาขัดแต่งเสียทีหนึ่ง ทองคำเปลวที่ช่วยกันปิดไว้ก็จะประสานเป็นเนื้อเดียวกับรูปเคารพ รูปเคารพนั้นก็สุกปลั่งเป็นเนื้อทองแลดูน่าเลื่อมใส รายละเอียดบนรูปเคารพก็ยังชัดเจน เหตุเพราะกระทำกันอย่างมีระเบียบมาตั้งแต่แรกนั่นเอง


ภาพจาก http://www.aecnews.co.th

และด้วยการกระทำเช่นนั้น สิริมงคลและบุญกุศลก็จะเกิดกับทุกคนที่ร่วมกันประดับประดารูปเคารพ

คนไทยเราสมัยก่อนมีความประณีตเป็นทุนเดิมครับ ยิ่งอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งต้องประณีต เพราะบุญกุศลจะเกิดจากจิตใจและการกระทำที่ละเอียดอ่อน ประณีตและพิถีพิถัน ไม่ใช่การกระทำที่หยาบ หรือมักง่าย

ดังนั้น ถ้าเราไปดูตามท้องที่บางแห่งที่เขายังปิดทองรูปเคารพกันเป็น เราจะเห็นว่าเขาบรรจงปิดทองได้ลำดับกันอย่างสวยงามทีเดียว

ดูแล้วก็สบายตาสบายใจ อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของรูปเคารพนั้นก็ยิ่งเพิ่มพูน เพราะได้รับการบูชาอย่างต่อเนื่องด้วยวิธีที่ถูกต้อง ผู้บูชาก็อิ่มบุญอิ่มกุศลกันไป

การถวายความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยการกระทำที่สูง ย่อมได้รับการตอบแทนที่สูงเช่นกัน ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ถ้าสำหรับรูปเคารพที่คนจำนวนมากนับถือ และคนจากทุกสารทิศก็แห่แหนกันมากราบไหว้ปิดทองจนยับเยินไร้ระเบียบไปหมด ทั้งปิดทั้งขยี้กันเข้าไปอย่างที่กล่าวแล้ว แผ่นทองคำที่ปิดกันอย่างมักง่ายพะเยิบพะยาบอยู่ทั่วไป จนอย่าว่าแต่เนื้อตัวของรูปเคารพ แม้หน้าตาท่านก็รกรุงรังจนมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรทั้งสิ้น


ภาพจาก http://www.matichon.co.th

การปฏิบัติเช่นนี้ย่อมให้ผลในทางตรงกันข้าม กับธรรมเนียมปฏิบัติอันละเอียดประณีตของคนโบราณที่กล่าวมาแล้วอย่างสิ้นเชิง

นั่นคือ แทนที่รูปเคารพนั้นจะคงความศักดิ์สิทธิ์ หรือเพิ่มพูนอานุภาพยิ่งขึ้นกลับเสื่อมลง เพราะรายละเอียดบนรูปเคารพ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้รูปเคารพนั้นมีผลในทางเทวศาสตร์ ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้วด้วยฝีมือการปิดทองอย่างมักง่ายนั่นเอง

เช่นเดียวกัน คนที่ปิดทองรูปเคารพอย่างมักง่าย เขาก็หารู้ไม่ว่า แท้ที่จริงเขากำลังทำลายรูปเคารพ และนั่นหมายถึงอัปมงคลอย่างยิ่ง สิ่งที่จะได้มามีแต่ความเสื่อม ความตกต่ำ ชีวิตที่มองไม่เห็นความสุขความเจริญ อย่างที่ผู้กระทำเช่นนั้นส่วนใหญ่พากันได้รับอยู่โดยหาสาเหตุไม่ได้




ความหยาบ ความมักง่ายแม้กระทั่งการปฏิบัติบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เป็นเรื่องของคนสมัยใหม่โดยแท้ วัดหรือเทวสถานที่มีรูปเคารพล้ำค่า กลัวประชาชนจะแห่แหนกันไปทำลายรูปเคารพที่มีอยู่ แต่ขัดศรัทธาไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีสร้างพระพุทธรูปหรือเทวรูปจำลองให้คนมาปิดทองกันแทนองค์จริง

บางแห่งสร้างของจำลองไม่ได้ ก็ติดป้ายห้ามปิดทององค์พระไว้กับพระพุทธรูปหรือเทวรูปเลย ชาวบ้านร้านตลาดที่ถูกฝังหัวกันมาว่า ไปไหว้พระที่ไหนต้องปิดทอง เห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ แล้วพาลหาว่าทางวัดหวงพระไม่เข้าท่า

ทางวัดก็จำต้องยอมถูกตำหนิ ไม่งั้นปล่อยตามใจพวกคลั่งปิดทอง รูปเคารพสวยๆ ทรงอานุภาพก็ถูกทำลายยับเยิน

เพราะวิธีการปิดทองแบบมักง่ายจนเละเทะไปหมดทั้งองค์พระ ต่อให้ช่างฝีมือดีแค่ไหนก็ขัดแต่งให้ประสานเป็นเนื้อเดียวกับรายละเอียดของเดิมไม่ได้ เพราะบางแห่งก็มากไป บางแห่งก็น้อยไป ไม่สม่ำเสมอกัน


ภาพจาก http://thai.tourismthailand.org

อย่างพระพุทธรูปบางองค์ ส่วนที่สำคัญที่สุดคือพระพักตร์ ถูกปิดทองจนบวมไปหมด ขัดแล้วก็ยังบวมผิดส่วน พระเนตรจมพระโอษฐ์จม อานุภาพขององค์พระเท่ากับถูกทำลายอย่างไม่มีวันเรียกกลับได้อีก สุดท้ายที่ยังศักดิ์สิทธิ์อยู่ได้ เพราะผีเข้าไปสิง ด้วยเหตุที่ว่า ผีเท่านั้นที่ชอบการปิดทองอย่างมักง่ายเช่นนั้น

การปิดทองรูปเคารพไม่ใช่เรื่องต้องห้าม แต่ถ้าศรัทธาจะทำก็ควรทำให้ถูกวิธี องค์ไหนที่เขาไม่ปิดทองกันมาแต่เดิมก็อย่าไปยุ่งเลยครับ ยิ่งถ้าเขาห้ามไว้ก็ไม่ควรดันทุรังจะฝืน ส่วนองค์ที่เขาปิดกันมาแต่เดิมเราก็พยายามต่อเติมให้ดูเรียบร้อย ไม่ใช่นึกจะปิดตรงไหนก็ปิด

ความมักง่ายไม่เคยนำมาซึ่งการสร้างสรรค์ มีแต่ทำลายเท่านั้นละครับ


..........................



หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด