วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

นางพญาจิ้งจอกเก้าหาง

บทความโดย กิตติ วัฒนะมหาตม์

*วัตถุมงคลในบทความนี้ ไม่มีให้เช่าบูชา*





ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง เป็นเรื่องในพงศาวดารจีนที่มีชื่อว่า ฮ่องสิน

นางกับปีศาจอีกสองตนคือ ไก่ฟ้าเก้าหัว และพิณผีผาหยก เป็นบริวารที่พระแม่หนี่วาส่งลงมาบนโลกมนุษย์ ให้สังหาร จักรพรรดิโจ้วหวาง แห่งราชวงศ์ซาง ที่บังอาจพูดจาดูหมิ่นพระนางในทางลามก

ปฐมเหตุของเรื่องดังกล่าว เล่ากันว่า เมื่อ จักรพรรดิโจ้วหวางครองราชย์ไปได้ระยะหนึ่ง ได้เสด็จไปถวายสักการะพระแม่หนี่วา ครั้งนั้นพระองค์ได้ทอดพระเนตรเทวรูปถูกลมพัดฉลองพระองค์เลิกขึ้น จนเห็นสัดส่วนของเทวรูปที่ได้สลักเสลาขึ้นอย่างงดงามประดุจมีชีวิต พระองค์ก็ตรัสเรียกพู่กันมาแต่งเป็นบทกวีชมโฉมองค์เทวีด้วยถ้อยคำที่จาบจ้วง แล้วทรงมีพระราชโองการให้นำโคลงนั้นประดับไว้ในเทวสถาน 

หลังจากนั้น โจ้วหวางจอมทรราช ก็พยายามเฟ้นหาสาวงามที่มีใบหน้าสวยงามดั่งเช่นพระแม่หนี่วา จนกระทั่งข้าราชบริพารของโจ้วหวางไปพบ ซูต๋าจี ธิดาของมหาเศรษฐีผู้หนึ่ง เป็นสาวสวยหาใครเปรียบได้ยาก แถมยังใบหน้าคล้ายพระแม่อีกด้วย

ปีศาจจิ้งจอกเห็นเช่นนั้น จึงฉวยโอกาสสังหารซูต๋าจี แล้วเข้าสิงร่างของเธอ เพื่อให้ข้าราชบริพารเหล่านั้นเข้าไปถวายตัวเป็นสนมของโจ้วหวาง

นับจากวันนั้น ซูต๋าจีที่ถูกนางปีศาจจิ้งจอกเข้าสิง ก็ใช้มารยาทุกอย่างมัดใจจักรพรรดิโจ้วหวาง แล้วคอยกำกับและยุยงให้โจ้วหวางกลายเป็นผู้นำเจ้าสำราญ มัวเมาในอิสตรี และเฉลิมฉลองอย่างหรูหราในวัง ก่อสร้างหอคอยสูงเทียมฟ้าที่มาจากการขูดรีดภาษีประชาชน ใครขัดหรือโต้แย้งก็ถูกประหารหมดด้วยวิธีโหดร้ายสยดสยอง อันเป็นผลจากคำยุยงของซูต๋าจีทั้งสิ้น ขณะเดียวกันนางก็แอบพาเหล่าปีศาจเข้ามาสิงสู่ในวังมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อบ้านเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย และเหล่าปีศาจก็มีทีท่าว่าจะเข้ามายึดครองโลกมนุษย์ ก็ร้อนถึง เทพปรมาจารย์เอวี๋ยนสื่อเทียนจวิน และเหล่าเซียนแห่งเขาคุนหลุน

องค์เทพปรมาจารย์จึงบัญชาให้ศิษย์เอกที่ชื่อ ไท่กงฮว่าง หรือที่มีชื่อจริงว่า หลี่ว์ซ่าง หรือ เจียงจื่อหยา มายังโลกมนุษย์เพื่อกำจัดต๋าจี และฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับมาเป็นปกติ


นางพญาจิ้งจอกเก้าหาง  version ล่าสุดที่ออกอากาศครั้งแรกในปี ๒๕๕๖

ต๋าจีเมื่อล่วงรู้แผนนี้ ก็คอยส่งสมุนปีศาจของตนมารังควานเจียงจื่อหยาเป็นระยะ ๆ และยังได้ความร่วมมือจากขุนนางฝ่ายที่นิยมจักรพรรดิโจ้วหวางเป็นกำลังสำคัญ รวมทั้งยังมีเหล่าเทพที่ทรงอำนาจเป็นพวกพ้องมิใช่น้อย

ในขณะที่เจียงจื่อหยา พร้อมทั้งศิษย์เอกคือ นาจา ก็ได้รวบรวมพวกพ้องที่เป็นนักพรต จอมยุทธ์ เหล่าขุนนางที่หลบหนีจากราชสำนัก โดยมี จีซาง อดีตเจ้าเมืองที่ต้องราชภัยจากต๋าจีเป็นผู้นำ กรีฑาทัพเพื่อบุกโจมตีมหานครเฉาเกอ และโค่นล้มจักรพรรดิโจ้วหวาง

เรื่องราวบานปลายไปเรื่อย ๆ เมื่อเทพและเซียนแตกเป็นสองฝ่าย การต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และเหล่าเทพเซียนเป็นไปอย่างดุเดือด ผู้คนล้มตายเหลือคณานับ วิญญาณของบุคคลสำคัญที่ตายในศึกสงครามนั้นก็จะถูกดึงไปไว้ผนึกไว้ในหอแต่งตั้งเทพเจ้า ที่องค์เทพปรมาจารย์เอวี๋ยนสื่อเทียนจุนทรงสร้างไว้

ในที่สุด กองทัพของ จีฟา บุตรชายจีซาง ก็นำทัพล้อมนครเฉาเกอไว้ได้สำเร็จ ต๋าจีหมดหนทางสู้ คิดจะกลับไปขอความช่วยเหลือจากพระแม่หนี่วา แต่ผลก็กลับตาลปัตรเมื่อพระแม่หนี่วาทรงเห็นว่าปีศาจจิ้งจอกเก้าหางที่สิงต๋าจีทำเกินกว่าเหตุ นำมาซึ่งความหายนะแก่เหล่ามนุษย์อย่างไม่อาจให้อภัยได้

พระแม่จึงส่งต๋าจีกับพวกพ้องให้กับเจียงจื่อหยา และปีศาจทั้งสามที่เป็นต้นเหตุความวุ่นวายทั้งหมดก็ถูกสำเร็จโทษ

ส่วนโจ้วหวางที่สูญเสียทุกสิ่งก็สำนึกได้เมื่อสาย พระองค์จึงปลงพระชนม์พระองค์เอง จีฟายึดครองเมืองหลวงได้ก็ล้มราชวงศ์ซาง แล้วก่อตั้งราชวงศ์โจวขึ้น สืบราชบัลลังก์ต่อไปอีกหลายร้อยปี

เมื่อความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดิน เจียงจื่อหยากลับไปที่เขาคุนหลุน เปิดผนึกหอแต่งตั้งเทพเจ้า เพื่อสร้างระบบของเหล่าเทพใหม่ โดยแต่งตั้งเหล่าวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว และผู้ที่มีความดีความชอบในศึกครั้งนี้ทั้งหมด ให้เป็นเทพประจำตำแหน่งต่าง ๆ ซึ่งนั่นก็คือ จุดเริ่มต้นทั้งหมดของอาณาจักรสวรรค์ของตำนานจีนที่จะสืบทอดต่อไปในตำนานเรื่องอื่น ๆ นั่นเอง

เรื่องของซูต๋าจี หรือ นางพญาจิ้งจอกเก้าหางในตำนานก็สิ้นสุดเพียงเท่านี้ครับ

ผมเคยได้อ่านข้อเขียนของผู้รู้ทางไสยศาสตร์จีนที่กล่าวว่า นางปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ไก่ฟ้าเก้าหัว และ ผีผาหยก ทั้งสามตนนี้ แท้ที่จริงแล้วก็คือสายวิชาทางเสน่ห์ของชนชาติจีนโบราณนั่นเอง และก็อาจจะเก่าถึงราชวงศ์ซางก็ได้ จนเกิดเป็นตำนานเกี่ยวข้องกับ ซูต๋าจี ขึ้นมา

แต่สายวิชาทั้งสามนี้ ถ้าจะเหลือรอดมาถึงปัจจุบัน ก็คงสอนกันอยู่ตามสำนักนักพรตเต๋าที่หลีกเร้นจากโลกภายนอกพอสมควร เพราะไม่ใช่วิชาที่แพร่หลายนัก มีแต่วิชาปีศาจจิ้งจอกเก้าหางแบบปลอมๆ ที่นักพรตสายเหมาซานกำมะลอบางคนเอามาเล่นเป็นปาหี่หลอกลวงผู้คนเท่านั้น

ปาหี่ที่ว่านี้ มีด้วยกันหลายแบบครับ พวกที่ตั้งตัวเป็นผู้วิเศษหลายคนอ้างว่า เคยแสดงอิทธิฤทธิ์เอาชนะนางปีศาจตนนี้ หรือบางคนก็บอกว่า มีมนต์วิเศษบังคับนางปีศาจตนนี้ให้ทำอะไรต่อมิอะไรได้ตามต้องการ ซึ่งก็มีสานุศิษย์หลงเชื่อมากมาย เพราะตำนานปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง เป็นอะไรที่ฝังใจคนจีนมานานนับพันปีแล้วครับ

ไม่เพียงเท่านั้น ความนิยมในตำนานปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ยังแพร่หลายไปถึงญี่ปุ่น และเกาหลีอีกด้วย

ในตำนานของชาวญี่ปุ่น ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมีชื่อว่า คิวบิโนะโยโกะ (九尾の妖狐) หรือ คิตสึเนะ () ชาวญี่ปุ่นโบราณเชื่อว่า สุนัขจิ้งจอกตนใดที่มีอายุเกิน ๑๐๐ ปีขึ้นไปจะกลายเป็นปิศาจจิ้งจอก และมักจะแปลงกายมาสร้างความวุ่นวายให้กับชาวบ้านอยู่เสมอ โดยอย่างน้อยก็สามารถสร้างมายา ไว้คอยกลั่นแกล้งคนที่เดินทางผ่านป่าตอนกลางคืนได้

ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางในตำนานญี่ปุ่นมีหลายตนครับ ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ องเมียวโคคุบงคิวบิ ซึ่งมีเนื้อเรื่องคล้ายกับในพงศาวดาร ฮ่องสิน ของจีน จนน่าจะมีพื้นฐานมาจากตำนานเก่าแก่ชุดเดียวกันอย่างแน่นอน

กล่าวคือ นางปีศาจตนนี้ได้จำแลงร่างเป็นหญิงงามนามว่า ทามาโมะ มาเอะ และได้ลอบเข้าไปในวัง จักรพรรดิโทบะ ในฐานะสนมเอกเมื่อประมาณ ค.ศ๑๒๐๐ ซึ่งองค์จักรพรรดิเองก็ได้ถูกมนต์เสน่ห์ของนางจนลุ่มหลงมัวเมา

นางปีศาจคอยยุยงให้จักรพรรดิก่อสงครามทำลายมนุษย์ด้วยกันเองมากมาย แต่ในที่สุดพระพลานามัยขององค์จักรพรรดิเองก็เสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว จนต้องเชิญนักบวชจากหอองเมียวมาทำพิธีปัดรังควาน และนักบวชผู้นั้นทูลว่า แท้จริงแล้วสนมเอกเป็นนางจิ้งจอกแปลงกายมา


นางปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ในภาพเขียนโบราณของญี่ปุ่น
เมื่อความจริงถูกเปิดโปง นางปีศาจจิ้งจอกก็ได้เผยร่างจริงออกมาเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวใหญ่สีทอง สูงเท่ากำแพงวังจักรพรรดิ และมีเก้าหาง อาละวาดทำลายสิ่งต่างๆ และฆ่าคนไปจำนวนหนึ่งก่อนจะหนีไป

องค์จักรพรรดิได้ส่งกองทหาร ๑๕,๐๐๐ คน ตามไปต่อสู้กับนางจนถึงหุบเขาเมียวโค นางจิ้งจอกเก้าหางจึงได้พ่ายแพ้ไปในปี ค.ศ.๑๒๐๓

เล่ากันว่า หลังจากถูกสังหารแล้ว ร่างของนางปีศาจจิ้งจอกได้กลายเป็นหินก้อนหนึ่ง เรียกว่า ฟุโยเคอิ (หินชีวีสังหาร) ซึ่งยังคงอยู่ตราบจนทุกวันนี้

คนเฒ่าคนแก่ในท้องถิ่นเล่ากันว่า วันดีคืนดีหินดังกล่าวจะปล่อยปราณพิษออกมา ซึ่งสามารถคร่าชีวิตคนที่หลงเข้าไปในแถบนั้นได้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดนิงาตะ

ว่ากันว่า สิ่งที่นางปีศาจเกลียดชัง คือ เครื่องรางของขลัง และยันต์ของศาลเจ้าต่างๆ สิ่งของพวกนี้แม้ไม่อาจทำลายนางได้ แต่ก็ปกป้องให้รอดพ้นจากนางได้ ดังนั้นคนท้องถิ่นจึงเตือนนักท่องเที่ยวว่า ควรพกพาสิ่งเหล่านี้ในการไปชมหินฟุโยเคอิครับ

ส่วนเกาหลี ก็มีตำนานจิ้งจอกเก้าหางที่เล่าต่อๆ กันมานาน และยังคงมีอิทธิพลต่อผู้คนในยุคปัจจุบันมากเช่นกัน

คนเกาหลีเรียกนางปีศาจจิ้งจอกเก้าหางว่า กูมิโฮ (구미호) มีการบรรยายไว้ว่า นางคือหญิงสาวแสนสวยที่มีความสามารถในการหลอกล่อมัดใจชายหนุ่มได้อย่างง่ายดาย

ที่มาของกูมิโฮในตำนานแบบดั้งเดิมเล่ากันว่า สุนัขจิ้งจอกตัวไหนก็ตามที่สามารถมีอายุยืนถึง ๑,๐๐๐ ปี ได้ ก็จะกลายเป็นปีศาจจิ้งจอกกูมิโฮ ซึ่งมีพลังอำนาจสามารถแปลงกายเป็นหลายๆ สิ่ง แต่ความปรารถนาสูงสุดของกูมิโฮ ก็คือต้องการที่จะกลายร่างเป็นมนุษย์อย่างแท้จริงให้ได้นั่นเอง

และวิธีการกลายร่างของกูมิโฮนั่นก็คือ การกินหัวใจ หรือตับของมนุษย์ให้ได้ครบ ๑๐๐ คนครับ

ดังนั้น กูมิโฮจึงแปลงเป็นหญิงสาวสวยยั่วยวน ที่แฝงตัวอยู่ในบ้านกลางป่า คอยหลอกมนุษย์โดยเฉพาะผู้ชายที่หลงในรูปโฉมงดงามให้มาเป็นเหยื่อของนางคนแล้วคนเล่า


กูมิโฮ ในภาพยนตร์เกาหลี

แต่ทว่าตามตำนานนี้ เรื่องกลับพลิกผันในตอนจบ เพราะเมื่อมาถึงเหยื่อคนที่ ๑๐๐ พอดี มนุษย์ผู้ชายคนนั้นกลับกลายเป็นรักแท้ ซึ่งปีศาจจิ้งจอกมอบหัวใจให้

ตำนานกูมิโฮจึงต้องจบลง เมื่อนางปีศาจจิ้งจอกเลือกความรักอันบริสุทธิ์ มากกว่าความต้องการเป็นมนุษย์ของตน แล้วปล่อยให้ชายหนุ่มคนนั้นมีชีวิตรอดต่อไปแทน

เพราะเหตุนี้ละครับ บางครั้งตำนานของกูมิโฮในจินตนาการของคนเกาหลี จึงอาจหมายถึงหญิงสาวผู้มีความงาม แต่ก็ยังเป็นตัวของตัวเอง และมั่นคงในความรัก ได้ด้วยเช่นกัน

คนเกาหลีปัจจุบันจึงไม่มีใครหวาดกลัวนางจิ้งจอกเก้าหางกูมิโฮ มิหนำซ้ำ ภาพลักษณ์ของนางได้ถูกใช้เพื่อโฆษณาขายสินค้าต่างๆ เกี่ยวกับผู้หญิง รวมไปถึงสินค้าวันวาเลนไทน์ หรือแม้แต่ร้านเสริมสวยต่อขนตา ที่บอกเหตุผลว่า เพราะว่าจิ้งจอกเป็นสัตว์ซึ่งมีขนตายาวสวยมากๆ

ที่ผ่านมา ผมยังไม่เคยได้ยินว่ามีการสร้างเครื่องรางนางพญาจิ้งจอกเก้าหางในไสยศาสตร์จีนนะครับ อาจจะมีอยู่บ้างในศาลของนาง ซึ่งก็มีผู้ตั้งขึ้นกราบไหว้บูชาในบางท้องถิ่น แต่ว่าในญี่ปุ่นและเกาหลีนั้นมีอยู่บ้าง ลักษณะเหมือนของที่ระลึกมากกว่าเครื่องรางที่มีการปลุกเสก และค่อนข้างหายาก

ดังนั้น เมื่อไทยเรามีการสร้างนางพญาจิ้งจอกเก้าหางขึ้นมาในช่วงปี ๒๕๕๓-๒๕๕๘ ทั้งคนจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งต่างก็คุ้นเคยกับตำนานปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง จึงให้การตอบรับเป็นอย่างดี


นางพญาจิ้งจอกเก้าหางขนาดบูชา ไม่ทราบสำนัก
ภาพจาก http://thaiamulets-dhammapath.blogspot.com

ปฐมบทแห่งการสร้างนางพญาจิ้งจอกเก้าหางในเมืองไทย เกิดขึ้นที่สำนัก อ.เม้ง ขุนแผน ซึ่งมีชื่อเสียงในสายวิชาทางเมตตามหานิยมมาก่อนแล้ว โดยทาง อ.เม้ง อ้างว่า นางจิ้งจอกเก้าหางเป็นบริวารพระแม่หนี่วา และยังคงสถิตอยู่บนโลกใบนี้รอโอกาสที่จะทำความดีช่วยเหลือมนุษย์

ทางสำนัก อ.เม้ง ได้มีการจัดสร้างล็อคเก็ตนางพญาจิ้งจอกเก้าหางเป็นครั้งแรก ออกให้บูชาเพียง ๒๐๐ องค์ในงานไหว้ครูปี ๒๕๕๓ จึงมีเพียงลูกศิษย์ของ อ.เม้งเท่านั้นที่มีโอกาสครอบครอง ซึ่งเมื่อเวลาล่วงเลยมาหลังจากนั้นเพียง ๔ ปี ก็กลายเป็นที่แสวงหากันมาก และราคาพุ่งขึ้นไปหลายเท่าตัว

อ.เม้งจึงมีการจัดสร้างนางพญาจิ้งจอกเก้าหางรุ่นต่อๆ มา ถึงปัจจุบันนับได้เป็นสิบรุ่น และทำให้สำนักอื่นๆ มีการลอกเลียนแบบ โดยเฉพาะในช่วงปี ๕๗-๕๘ มีการแข่งกันสร้างนางพญาจิ้งจอกเก้าหางกันมากทั่วไปครับ ถึงขนาดมีโรงงานผลิตเป็นพระผงระบายสีสวยๆ ไปวางขายอยู่แถวท่าพระจันทร์ แบบไม่มีพิธีอะไรเลย เพื่อขายนักท่องเที่ยว ก่อนที่แผงพระริมทางในย่านนั้นทั้งหมดจะถูกกวาดล้างไปด้วยนโยบายจัดระเบียบของ กทม. สมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตรเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุด

แล้วถ้าจะถามผมว่า การเสกนางพญาจิ้งจอกเก้าหางของ อ.เม้ง ได้วิชา หรือมนต์คาถา หรือแม้แต่มวลสารอะไรที่เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาปีศาจจิ้งจอกเก้าหางของจีนโบราณหรือไม่?

ผมก็ต้องตอบว่า ไม่

เพราะทางสำนักอธิบายไว้เองครับ ว่าแค่อาศัยเอาความเชื่อด้านความมีเสน่ห์ เย้ายวนรัญจวนใจของนางพญาจิ้งจอกเก้าหาง ตามแนวคติความเชื่อฝ่ายจีน ผนวกเข้ากับวิชา พญาหน้าหมามหาเสน่ห์ ของทางกะเหรี่ยง และล้านนา ซึ่งเชื่อกันว่าให้ผลทางมหาเสน่ห์ทางโลกียะเต็มสูตร แบบเด็ดขาดถึงขั้นเผด็จศึกเลยก็ว่าได้ แม้นปรารถนาชอบพอผู้ใด ย่อมรักใคร่ปักใจไม่เสื่อมคลาย คล้ายสุนัขรักเจ้าของมิผิดเพี้ยน

วิชาพญาหน้าหมามหาเสน่ห์ของล้านนา ซึ่งทางสำนัก อ.เม้ง บรรยายมาอย่างน่าตื่นเต้นนี้ ที่จริงเขาเรียกกันง่ายๆ ครับว่า วิชาเสน่ห์หน้าหมา เกจิอาจารย์ทางภาคเหนือมักเอามาทำตะกรุด ซึ่งให้ผลทางราคะที่รุนแรงมาก ถึงกับมีการเตือนกันไว้ว่า ใครพกตะกรุดนี้สุขภาพร่างกายต้องแข็งแรงตลอดเวลา พร้อมที่จะต้องสมสู่ เสพกามได้ทุกสถานการณ์


พระผงพญาหน้าหมามหาเสน่ห์ ปู่อำนาจ เกจิสายเสน่ห์ล้านนา

ถึงขนาดที่ต้องมีการเตือนกันไว้ตรงๆ ว่า ผู้มีโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหืดหอบ ควรพิจารณาให้ดีก่อนเช่าบูชาเชียวละ

บ้างก็นิยมเอาคาถาที่ใช้กำกับยันต์ หรือเครื่องรางที่ทำด้วยวิชานี้เสกอาหารให้หญิงกิน ถ้าเสกติด หญิงนั้นจะรักชอบตนยังกับโดนยาแฝดเลยครับ

พูดง่ายๆ มันเป็นวิชาเสน่ห์ที่แรงมาก และถ้าถือเอาตามเคล็ดดั้งเดิม มันก็คิอวิชาฝ่ายต่ำ ที่เหมาะกับคนบ้ากามจริงๆ คนที่ไม่ต้องคิดถึงเรื่องศักดิ์ศรี หรือความพอเหมาะพอดีอะไรเลย

แต่ในการเอามาประยุกต์สร้างเครื่องนางนางพญาจิ้งจอกเก้าหาง (ซึ่งแน่นอน, ว่าเป็นหมาคนละชนิด คนละวรรณะ และไม่น่าจะใช้กันได้) อ.เม้งน่าจะทำให้วิชานี้อ่อนลงไปมากครับ

เพราะไม่ปรากฏว่า ใครที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้บูชานางพญาจิ้งจอกเก้าหางของ อ.เม้งแล้ว จะมีอันเป็นไป แบบเดียวกับ เหยื่อของคนที่ใช้ตะกรุดหน้าหมาแบบล้านนาโบราณ

ส่วนใหญ่ จะมีข้อมูลจากคนที่ใช้เครื่องรางดังกล่าว แล้วบอกต่อๆ กันแค่ว่า ดีทั้งเสน่ห์ โชคลาภ การงาน ขออะไรได้หมด เหมือนกับเครื่องรางด้านเมตตามหานิยมทั่วไป เรื่องเซ็กซ์ก็มีบ้างละครับ แต่ไม่ถึงกับรุนแรงจนสร้างความตื่นเต้นกันในวงการแต่อย่างใด เรียกว่า ไม่แตกต่างจากพวกภูตพรายต่างๆ และผู้หญิงจะใช้ได้ดีกว่าผู้ชาย

เครื่องรางนางพญาจิ้งจอกเก้าหางของสำนัก อ. เม้ง สร้างจากเนื้อผงธูป ผงว่านยาเสน่ห์จากพม่า ว่านอาถรรพณ์ต่างๆ บางรุ่นฝังขวดน้ำมันอาถรรพณ์ ฝังตะกรุดมหาเสน่ห์ ฝังพลอย ไม่มีมวลสารอะไรที่เกี่ยวข้องกับปีศาจจิ้งจอกเก้าหางต้นตำรับ อย่างที่บอกไปแล้ว


นางพญาจิ้งจอกเก้าหางขนาดบูชา อ.เม้ง ขุนแผน

ถ้าเป็นขนาดบูชา ก็หล่อด้วยเรซินระบายสี และออกแบบได้สวยงาม ตามภาพประกอบที่นำมาให้ดูนี้ ปัจจุบันไม่ต้องไปหาตามท้องตลาดนะครับ สาวก อ.เม้งแย่งกันเก็บหมด

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า นางพญาจิ้งจอกเก้าหางของไทย ไม่ว่าจะเป็นต้นตำรับอย่าง อ.เม้ง หรือสำนักอื่นที่สร้างตามๆ กันมา ล้วนแค่เอาชื่อปีศาจจิ้งจอกเก้าหางของจีนมาอ้างอิงเท่านั้น นอกนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับปีศาจจิ้งจอกเก้าหางที่เป็นบริวารพระแม่หนี่วาจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น สำนัก อ.เม้งยังมีการคิดค้นพิธี "ครอบหน้า ลงนะนางพญาจิ้งจอกเก้าหางมหาเสน่ห์" แบบที่สำนักอื่นนิยมเอาหัวโขน หรือ ศีรษะครู เช่น พ่อแก่ พระพิราพ หรือพระพิฆเนศวร์มาครอบกัน แต่ที่นี่ทำเป็นหน้ากากรูปใบหน้าผู้หญิง ที่เสกให้เป็นนางพญาจิ้งจอกเก้าหาง

อันนี้ยิ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับปีศาจจิ้งจอกเก้าหางตามตำนานดั้งเดิมเข้าไปใหญ่ แต่ก็เห็นคนจีนมาเลเซีย สิงคโปร์ คนญี่ปุ่น เกาหลี มาเบียดเสียดกับสาวกชาวไทยครอบกันทุกครั้งที่จัดพิธี ในยุคที่กระแสการบูชานางพญาจิ้งจอกเก้าหางกำลังเฟื่องฟูนั่นละครับ


นางพญาจิ้งจอกเก้าหาง ขนาดบูชา อ.ส.พลายแก้ว เรือนสุรินทร์ฤๅไชย

อย่างไรก็ตาม นางพญาจิ้งจอกเก้าหางก็ตกที่นั่งดียวกับเครื่องรางของขลังชนิดอื่นๆ ในวงการไสยศาสตร์และวัตถุมงคลไทย นั่นคือ พอมีคนริเริ่มทำอะไรแปลกใหม่ขึ้นมาสักคนหนึ่ง ก็จะมีการลอกเลียนแบบ และต่อยอดกันไปอย่างใหญ่โต ก่อนจะพากันซบเซาลงในที่สุด อันเนื่องมาจากมีการเก็งกำไรกันมากเกินกว่าความต้องการของตลาด

รวมทั้งผู้ที่ลอกเลียนแบบ ส่วนมากก็วิชาไม่ถึง หรือไม่มีวิชาอะไรที่เด่นชัด มีเพียงรูปแบบที่สร้างออกมาเท่านั้นที่ดูน่าสนใจ โดยเฉพาะรูปบูชาซึ่งก็ดูเหมือนตุ๊กตาสวยๆ แนวเซ็กซี่ แต่ดลบันดาลอะไรไม่ได้อย่างที่อวดอ้างไว้

สำหรับสำนัก อ.เม้ง ซึ่งเป็นต้นตำรับนางพญาจิ้งจอกเก้าหางเมืองไทย ผมเข้าใจว่า ถึงตอนที่เขียนบทความนี้ก็คงไม่มีการสร้างรุ่นใหม่ๆ ออกมาแล้วนะครับ หลังจากยุครุ่งเรืองของนางพญาจิ้งจอกเก้าหางผ่านพ้นไป ข่าวคราวของสำนักนี้เงียบลง และมีเสียงเล่าลือกันไปต่างๆ ในทางที่ไม่เป็นผลดีต่อสำนักอย่างมาก

จะว่าเป็นอาถรรพณ์ จากการไปเกี่ยวข้องกับนางปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ซึ่งเปี่ยมด้วยเสน่ห์เย้ายวน แต่ไปอยู่ที่ไหนก็สร้างความวิบัติหายนะที่นั่น เหมือนในตำนานโจ้วหวาง ก็แล้วแต่จะคิดกันครับ


..........................



หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

6 ความคิดเห็น:

  1. ตอนนี้คนรู้จักที่ใช้จิ้งจอกเก้าหางแต่ละคนชีวิตแย่มากมายคะ คนที่เคยจับเสี่ยก็ถูกเมียหลวงส่งทีมงานมาทำร้ายจนต้องนอนโรงพยาบาลเกือบพิการ อีกคนเคยได้คอนโดได้รถ ไฟก็ไหม้คอนโดรก็ขับไปชนกับรถบรรทุกแหลกทั้งคันดีไม่ตาย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อันนี้ ต้องคนในวงการจริงๆ ค่ะถึงจะมีข้อมูลตรงนี้กัน คนวงนอกจะไม่มีทางรู้ เพราะคนที่เค้าบูชาแล้วไม่ดี ส่วนใหญ่ก็ปิดปากเงียบ ไม่ออกมาป่าวประกาศกันค่ะ

      อ่านที่คุณเปียเมนต์แล้วก็หนาวยะเยือกหัวใจ

      ลบ
    2. ล่าสุดเป็นนักร้องผับหรูจับต่างชาติได้คะ แต่ดันเป็นพ่อค้ายา

      ลบ
    3. แบบนี้ยิ่งแย่ค่ะ ถ้าตำรวจจับได้ดีไม่ดีติดร่างแหไปด้วย แล้วอะไรที่เค้าซื้อให้สมมุติว่าเป็นคอนโด หรือรถ ก็อาจจะถูกอายัดด้วยนะซิคะ เพราะตำรวจเค้าต้องมองว่าเป็นการฟอกเงินหรือเปล่า ทุกขลาภเห็นๆ ค่ะ

      ลบ
  2. อ่านแล้วเอาไปคุยกับอาม่า อาม่าร้องลั่นเลยค่ะ---อย่าไปไหว้นะจิ้งจอกเก้าหาง ไม่ดีๆๆๆ ล่มจมกันทั้งตระกูล...นี่ดีนะคะอาม่าไม่รู้ว่าคนไทยไหว้จิ้งจอกเก้าหางกันเยอะขนาดนี้

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แสดงว่า คนจีนรุ่นเก่าๆ ก็ยังรู้ถึงอาถรรพณ์จิ้งจอกเก้าหางกันเป็นอย่างดี แอดมินเลยคิดว่า เพราะงี้รึเปล่าถึงทำให้วิชานี้กลายเป็นวิชาที่ค่อนข้างจะเร้นลับในแผ่นดินจีน ไม่แพร่หลายเท่าที่ควร

      ลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น