วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สีของเทวรูป

บทความโดย กิตติ วัฒนะมหาตม์

*วัตถุมงคลในบทความนี้ ไม่มีให้เช่าบูชา*




ผมเขียนในหนังสือ คู่มือบูชาเทพ ฉบับสมบูรณ์ ไว้ว่า เทวรูปสีเดียว หรือปิดทองบางส่วน-ปิดทองทั้งองค์ กับเทวรูประบายสี ควรประดิษฐานแยกกัน

ทีนี้ก็จะมาอธิบายละครับ ว่า ในทางเทวศาสตร์แล้ว เทวรูปทั้งสองชนิดนี้ต่างกันอย่างไร ทำไมถึงต้องประดิษฐานแยกกัน

ว่ากันที่กลุ่ม เทวรูปสีเดียว ก่อนนะครับ

ซึ่งจะมีทั้งกลุ่มเทวรูปเนื้อสีโลหะ หรือ Metallic ได้แก่ เทวรูปเนื้อรมมันปู, เนื้อเงิน, เนื้อทองแดง, เนื้อทองเหลือง, เนื้อสำริด, เนื้อสำริดรมเขียว, เนื้ออะไรก็ได้ที่ปิดทองทึบทั้งองค์

เทวรูปกลุ่มนี้ก็จะรวมไปถึงเนื้อสามกษัตริย์ คือ ทอง เงิน นาก ในองค์เดียวกัน ถึงจะมองเห็นว่ามีถึง ๓ สี ก็จัดเป็นพวกเดียวกัน

และรวมไปถึงเทวรูปรมดำ เทวรูปรมดำปิดทองบางส่วน และเทวรูปทำจากวัสดุธรรมชาติต่างๆ เช่น ผงว่าน, ดินเผา, กระเบื้อง, ไม้, หิน, หินภูเขาไฟ, รัตนชาติที่มีสีทึบ เช่น หยก ก็จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันนี้ทั้งหมดครับ

ซึ่งเทวรูปเหล่านี้ เป็นเทวรูปที่เมื่อประดิษฐานแล้ว จะทำให้เกิดบรรยากาศที่เข้มขลัง มั่นคง เยือกเย็น เอื้อต่อการสงบจิตใจ นั่งสมาธิ บำเพ็ญเพียรภาวนา แม้ไม่ทำอะไรก็จะรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย มีความสุขอยู่ในความสงบเย็น ไม่วุ่นวาย





จึงเหมาะแก่การบูชาส่วนบุคคล ไม่เหมาะแก่การเอาไปตั้งไว้ในห้องทำงานนะครับ เพราะจะทำให้เฉื่อยชา ขาดความกระตือรือล้น

ยิ่งถ้าเอาไปตั้งไว้ในโรงเรียน หน่วยงานราชการ บริษัท ที่ทำอะไรต่อมิอะไรกันแบบ routine แล้วละก็ จะยิ่งสร้างบรรยากาศแห่งความสงบเย็น ไม่อยากจะเร่งรีบหรือใส่ใจทำอะไร จนกลายเป็นความเฉื่อยชาเฉื่อยแฉะ เหมือนอยู่ในวัดยังไงยังงั้นละครับ

นอกจากนี้ ก็ไม่เหมาะแก่การเอาไปตั้งตามกิจการห้างร้านต่างๆ ที่ต้องการกระแส หรือความเคลื่อนไหวของคนหมู่มาก ในลักษณะที่คนยิ่งมาก ยิ่งพลุกพล่านยิ่งดี

เพราะสำหรับบุคคลทั่วไป รวมทั้งวัยรุ่นวัยทีน หรือเด็กๆ เทวรูปเหล่านี้จะแผ่พลังที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นรู้สึกว่าขลังจริง แต่ดูเคร่งขรึม โบราณ คร่ำครึ หรือบางทีก็น่ากลัว หรือไม่น่าไว้ใจเลยก็มีนะครับ

ยิ่งเทวรูปที่ทำจากโลหะสีเดียว และวัสดุธรรมชาติต่างๆ จะแผ่พลังหรือ ปราณแบบที่ว่านี้ออกมาได้มาก พลังแบบนี้ผู้ใหญ่สัมผัสแล้วสบายใจ รู้สึกมั่นคง แต่เด็กไม่ค่อยชอบครับ เพราะมันเป็นขั้วตรงข้ามกลับพลังหรือปราณของความกระตือรือล้นตามวัยของพวกเขา

พูดง่ายๆ คือพวกบ้าพลัง สมาธิสั้น พวกนี้เขาไม่ happy หรอกครับ ถ้าต้องไปอยู่กับอะไรที่เคร่งขรึม นิ่ง ไม่มีชีวิตชีวา

ส่วนเทวรูประบายสี จะเป็นคนละเรื่องเลยครับ พลังหรือปราณของเทวรูประบายสี จะทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่น กระฉับกระเฉง เคลื่อนไหว ดูมีชีวิตจิตใจ จับต้องได้ น่าไว้ใจ หรือเข้าถึงได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้สมาธิหรือพลังจิตใดๆ




ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมจะเหมาะกับพวกวัยรุ่นวัยทีนบ้าพลัง ไปจนถึงพวกชาวบ้านร้านตลาดที่ไม่ค่อยรู้เรื่องพระเรื่องเจ้ามากนัก รวมถึงพวกขวัญอ่อนขี้กลัวด้วย พวกนี้จะรู้สึกผ่อนคลายและ happy ในสถานที่ที่มีเทวรูปแบบนี้ มากกว่าเทวรูปสีเดียวครับ

เพราะเทวรูประบายสี ก็เหมือนเทวรูปที่เลียนแบบของจริง หรือคนจริงๆ ด้วยกัน ซึ่งให้ความรู้สึกของการสัมผัสเข้าถึงได้ง่ายมากกว่า รูปปั้นไงล่ะครับ

จึงเป็นเทวรูปที่เหมาะจะตั้งในห้องทำงาน ห้องรับแขก หรือในกิจการร้านค้า ร้านอาหาร โรงมหรสพ สนามกีฬา โรงเรียน โรงพยาบาล หน่วยงานราชการ ศูนย์ฝึกอาชีพ และองค์กรต่างๆ ทุกรูปแบบ ที่ต้องการบรรยากาศของความสดชื่น บันเทิงเริงรมย์ ความมีชีวิตชีวา ความกระตือรือล้น ไปจนถึงความสุขและความผ่อนคลายในระดับทั่วๆ ไป ที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาหรือจิตวิญญาณ

ถ้าจะไม่เหมาะ ก็อย่างร้านสังฆภัณฑ์ ศูนย์ฝึกสมาธิ ศูนย์โยคะ หรืออะไรก็ตามที่ต้องการบรรยากาศขรึมๆ ขลังๆ ละครับ พวกนี้ตั้งเทวรูปประเภทแรกที่ผมบอกไปแล้วจะเหมาะมาก ถึงมากที่สุด

ซึ่งก็เพราะการแผ่พลัง หรือปราณที่ตรงกันข้ามกันขนาดนี้ ผมถึงบอกไว้ไงครับว่า ถ้ามีที่ทางพอก็แยกกันดีกว่า

หรือถ้าใครมีแท่นบูชาสองชุด ที่บ้านชุดหนึ่ง ที่ทำงานหรือร้านค้าอีกชุดหนึ่ง ก็จัดที่บ้านเป็นชุดสีเดียว ที่ทำงานหรือธุรกิจร้านค้าที่ต้องต้อนรับคนหมู่มาก ก็จัดเป็นชุดระบายสีไปเลย

ให้ห้องพระของกิจการ เป็นพลังแห่งความกระฉับกระเฉง สำหรับการทำงาน และห้องพระในบ้านเป็นพลังแห่งความสงบเย็น ผ่อนคลาย แค่นี้ชีวิตก็ลงตัวแล้วครับคนเรา

เทวรูปขนาดบูชาหน้ารถ ก็ใช้หลักนี้ได้ครับ ถ้าคุณขับรถโดยต้องการการปกป้องคุ้มครองระดับสูง ถึงที่หมายปลอดภัย ไม่มีอุบัติเหตุ เลือกเทวรูปสีเดียวดีที่สุด




ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้เฉื่อยชา เพราะเทวรูปขนาดบูชาหน้ารถ องค์เล็กเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้ครับ ในทางตรงกันข้าม กลับยิ่งเพิ่มสมาธิเวลาขับรถไกลๆ ด้วย

แต่ถ้าคุณใช้รถนั้นในการทำงาน เช่น รับลูกค้าบ่อยๆ หรือเป็นเซลส์ ต้องขับรถไปค้าขายพบปะลูกค้า ฯลฯ ก็เทวรูประบายสีสิครับ หรือรถของหนุ่มๆ สาวๆ ที่ทำงานด้วยเที่ยวด้วย มีเพื่อนไปด้วยบ่อยๆ เปิดเพลงกันสนุกสนาน เทวรูประบายสีจะเหมาะที่สุด

หลักที่ว่านี้ ใช้กับพระพุทธรูป พระเกจิอาจารย์ต่างๆ รวมทั้งอดีตกษัตริย์ วีรบุรุษ-สตรี ไปจนถึงสัตว์มงคล ได้เหมือนกันนะครับ ไม่แตกต่างกัน

เพราะอย่างพระพุทธรูประบายสี ก็แผ่พลังแห่งความสงบเย็นสู้พระพุทธรูปสีเดียวไม่ได้อยู่แล้ว ในขณะที่พระเกจิอาจารย์ และรูปบูชาที่เป็นบุคคล ถ้าเป็นแบบระบายสีก็จะให้ความรู้สึกที่มีชีวิตชีวามากกว่าแน่นอน 

ยิ่งสัตว์มงคลระบายสีนั้น ยิ่งเหมาะเอาไว้รับแขกจริงๆ ครับ   

นอกจากนี้ ก็ยังมีเทวรูปอีกประเภทหนึ่ง ที่ทำจากวัสดุที่มีลักษณะพิเศษ คือเทวรูปเนื้อคริสตัล, เนื้อหินจุยเจีย, เนื้อแก้วแกะสลัก, เนื้อแก้วหล่อ, เนื้อรัตนชาติใส และเนื้อเรซินใส




หรือพูดง่ายๆ ว่าเนื้ออะไรก็ตามที่โปร่งใส ก็จัดเข้าในกลุ่มนี้หมดครับ 

เทวรูปชนิดนี้ จริงๆ ก็แผ่พลังปราณที่คล้ายกับเทวรูปสีเดียวที่กล่าวมาแล้ว แต่ที่ผมต้องแยกมาอธิบายเป็นอีกพวกหนึ่งต่างหาก ก็เพราะเป็นเทวรูปที่มีคุณสมบัติพิเศษ

กล่าวคือ สามารถช่วยในเรื่องการกระจายพลังงานที่ไหลเวียนในบ้าน ช่วยแก้ไขจุดอับทึบภายในบ้าน-ร้านค้า  ช่วยสะท้อนและขับไล่พลังที่ไม่ดี รวมทั้งอาถรรพณ์ต่างๆ ได้หลายระนาบ ตามปราณจากความกระจ่างใสของเนื้อวัสดุที่ใช้ทำนั่นละครับ

การประดิษฐานเทวรูปชนิดนี้ จึงทำให้สถานที่นั้นร่มเย็นเป็นสุข เหมือนกับเทวรูปสีเดียว แต่จะเป็นพลังที่เอื้อต่อการนั่งสมาธิ บำเพ็ญภาวนาในลักษณะที่ทำให้เกิดอิทธิบารมี เช่น เปิดตาที่สาม เพิ่มสัมผัสที่ ๖ หรือเปิดจักร ต่างกับเทวรูปสีเดียวที่จะเอื้อต่อญาณบารมีในระดับที่ลึกกว่า

ที่ต่างกันอีกอย่าง คือยังช่วยในเรื่องการเสริมดวงของเจ้าบ้านให้ดีขึ้นได้ด้วยนะครับ

รวมทั้งยังไม่มีผลกระทบต่อวัยรุ่นวัยทีน หรือชาวบ้านทั่วๆ ไป ที่ทำให้เกิดความรู้สึกในด้านที่ไม่เอื้อต่อธุรกิจการค้า และการทำงานทั่วไป อย่างพวกเทวรูปสีเดียวอีกด้วย

จึงเป็นเทวรูปที่ตั้งในห้องพระ สำหรับการบูชาส่วนบุคคลก็ได้ ในขณะที่ถ้าจะตั้งในห้องทำงาน หรือตั้งโชว์บุคคลภายนอก ในลักษณะที่เป็นกิจการร้านค้าต่างๆ ก็ได้เหมือนกัน

โดยเฉพาะการประดิษฐานในลักษณะที่ช่วยเรียกทรัพย์ หรือชักนำความมั่งคั่งและโชคดีเข้าสู่กิจการ ซึ่งอย่างหลังนี้ ถ้าตั้งดีๆ อาจมีผลมากกว่าเทวรูประบายสีอีกนะครับ

แต่...มีเงื่อนไขสำคัญ ที่ไม่ว่าคุณจะตั้งเทวรูปเนื้อใสแบบนี้ไว้ในสถานที่ใด เพื่อการใดก็ตาม

คุณจำเป็นจะต้องมีความรู้ หรือมีตำราฮวงจุ้ยในมือที่สามารถคำนวณหาทิศมงคล และรวมทั้งหาธาตุของตำแหน่งที่จะตั้งเทวรูปเหล่านี้ได้ด้วยนะครับ

เพราะเทวรูปเนื้อใสเหล่านี้ เป็นเทวรูปในกลุ่มธาตุน้ำ ไม่ใช่กลุ่มธาตุทอง ธาตุดิน ธาตุไม้ อย่างพวกที่กล่าวไปแล้ว จึงเป็นเทวรูปที่มีผลทางฮวงจุ้ยมากกว่าเทวรูปเหล่านั้น และเทวรูประบายสีครับ





การจะตั้งเทวรูปประเภทนี้ จึงต้องมีตำราฮวงจุ้ยที่แม่นยำ เชื่อถือได้ และคนตั้งต้องใช้ตำราเป็น

ถ้าใช้ไม่เป็น ก็ต้องใช้บริการซินแสฮวงจุ้ยที่เก่งจริง

เพราะถ้าผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นการบูชาส่วนตัว หรือบูชาในร้านค้าเพื่อเรียกแขกเรียกทรัพย์ ก็จะเกิดผลร้ายทั้งสิ้นครับ

ยกตัวอย่างเช่น การที่เป็นเทวรูปในธาตุน้ำ ถ้าเอาไปตั้งไว้ในตำแหน่งที่เป็นธาตุไฟตามหลักฮวงจุ้ย คนตั้งก็รับเคราะห์ไปเต็มๆ ละครับ ถ้าตั้งเพื่อฝึกสมาธิ ผลที่ได้ก็จะกลายเป็นคนเพี้ยน คนวิกลจริตไปเลย

หรือตั้งถูกธาตุแล้ว แต่ตำแหน่งที่ตั้ง ไม่ใช่ตำแหน่งมงคล ดันกลายเป็นตำแหน่งอัปมงคล ผลที่หวังว่าจะได้ ไม่ว่าจะในการบูชาหรือเพื่อโชคลาภ ก็จะกลายเป็นตรงกันข้ามไปทันทีเช่นกัน

อีกอย่างหนึ่งที่เป็นข้อจำกัด ของเทวรูปเนื้อใสพวกนี้คือ ไม่ว่าจะทำด้วยแก้วหรือเรซิน ควรมีเพียงองค์เดียว เท่านั้นครับ 

เพราะถ้ามีหลายองค์บนแท่นบูชาเดียวกัน จะสะท้อนกันเอง ตามลักษณะของแก้ว

และโดยขนาดแล้ว ก็ไม่ควรจะใหญ่เกิน ๕ นิ้ว และไม่เล็กไปกว่า ๓ นิ้ว ครับ เพราะถ้าใหญ่ถึง ๗ นิ้ว ๙ นิ้ว จะเป็นวัตถุธาตุน้ำขนาดใหญ่ มีผลมากในการจัดวาง คือเสี่ยงต่อการที่จะผิดฮวงจุ้ยครับ

ในขณะที่ถ้าเล็กไปกว่า ๓ นิ้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะเทวรูปประเภทนี้ควรตั้งภายในบ้านหรือในอาคาร ไม่ควรเอาไปตั้งหน้ารถเป็นอันขาด ปราณของเทวรูปจะสะท้อนกับกระจกรถ เป็นผลเสียมากกว่าดี

พูดง่ายๆ ว่า สามารถตั้งบูชาเพื่อจุดประสงค์ที่หลากหลายกว่าเทวรูปสีเดียว และเทวรูประบายสี แต่การเลือกหาสถานที่บูชานั้นยากกว่ามาก  เพราะเนื้อแก้ว หรือธาตุน้ำนี้เป็นอะไรที่ sensitive มากครับในตำราฮวงจุ้ย ถ้าจัดการได้ดี ก็จะส่งผลดีมาก ถ้าจัดการไม่เป็น ก็จะส่งผลร้ายมาก

การคัดเลือกเทวรูป ก็ยากเช่นกันครับ

เนื่องจากเทวรูปสีเดียว สามารถมองเห็นตำหนิต่างๆ ได้ง่ายมาก เทวรูประบายสี ก็เลือกองค์ที่เขาลงสีอย่างประณีต สีไม่เลอะก็พอแล้ว

แต่ถ้าเป็นเนื้อใส ต้องดูกันแล้วดูกันอีก ไม่ให้มีรอยร้าวรอยแตกภายใน หรือแม้แต่เรซินใสก็ต้องใสแจ๋วทั้งองค์ ไม่ให้มีเนื้อที่มองเห็นเป็นก้อนหรือเป็นริ้วอยู่ข้างใน




เพียงแต่ถ้าเป็นเรซินใส แล้วมีการระบายสีทองตามเครื่องทรง อาถรรพณ์จากการตั้งผิดวิธีก็จะลดลง แต่ผลดีที่จะได้รับ ก็สู้เทวรูปเนื้อใสล้วนๆ ไม่ได้อีกละครับ

และอย่าลืมหลักการสำคัญที่สุด คือ จะเลือกหาเทวรูปชนิดใดมาบูชา ต้องเลือกจากความชอบเป็นอย่างแรกนะครับ แล้วค่อยพิจารณาคุณสมบัติอื่นๆ

อีกทั้งเทวรูปที่ไม่ผ่านการเทวาภิเษก ก็ย่อมจะไม่มีผลใดๆ ตามที่กล่าวมาทั้งสิ้นครับ


..............................



หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่มีใครเคยให้ความรู้เรื่องนี้มาก่อนจริงๆ คะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อ.กิตติ มักจะมีความรู้ใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำแบบใครมาบอกเล่ากันเสมอค่ะ พวกมักง่ายที่ไม่ศึกษาแต่อยากเป็นผู้วิเศษ เลยตั้งหน้าตั้งตาคอยก๊อปกันใหญ่

      ลบ
  2. โชคดีค่ะ ที่บ้านตั้งพระและองค์เทพ (จีน) สีแบบคล้ายๆ กันหมดเลย อาม่าจะจุกจิกมากค่ะ เวลาเชิญองค์ใหม่เข้าบ้าน ก็ต้องดูว่าเข้ากับองค์ที่มีอยู่แล้วรึป่าว

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถ้าคนที่จัดพระเป็น และพิถีพิถันหน่อย เค้าจะแบบนั้นละค่ะ ถ้าพิถีพิถันในการจัดพระก็จะเป็นเหตุปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่ทำให้คนในบ้านเกิดความเจริญรุ่งเรือง

      ลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น