บทความโดย กิตติ วัฒนะมหาตม์
*วัตถุมงคลในบทความนี้ ไม่มีให้เช่าบูชา*
*วัตถุมงคลในบทความนี้ ไม่มีให้เช่าบูชา*
เครื่องรางของมหาเทวีอธีนา ทำด้วยเงิน อายุราวๆ ๔๘๐-๔๒๐ ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบันจัดแสดงที่ Museum of Fine Arts of Lyon ฝรั้งเศส ภาพจาก http://en.wikipedia.org |
ตั้งแต่ครั้งโบราณกาลนับพันปีมาแล้ว ที่ มหาเทวีอธีนา (Athena) เทวีแห่งปราชญ์และความรอบรู้ทั้งมวลปรากฏพระองค์ในศาสนาของชาวกรีก-โรมัน
โดยมี นกเค้าแมว อยู่เคียงข้าง หรือเป็นสัญลักษณ์ของพระนาง
นกเต้าแมวได้รับเกียรติเช่นนี้
เพราะปรัชญาเมธีแห่งกรีกโบราณพิจารณาว่า มันมีลักษณะเจ้าความคิด สงบเสงี่ยม
และช่างตรึกตรอง มันมีดวงตาขนาดใหญ่ และหัวที่หันมองได้รอบทิศ
จึงเป็นคุณสมบัติของการรู้เห็นสรรพสิ่ง และมันเป็นสัตว์ที่มีแบบแผนการดำเนินชีวิตที่สงบสุขุม
โดยตัวของมันเอง
เพราะมันไม่ใช่นกประเภทบินล่าเหยื่อ
มันจะเกาะอยู่กับที่เพื่อมองหาอาหารอย่างระมัดระวัง
และเมื่อพบแล้วมันก็แทบจะไม่พลาด เปรียบเหมือนความสงบนิ่งแต่เฉียบคม ในสติปัญญาของพวกนักปราชญ์ไงครับ
อย่างไรก็ตาม การนับถือนกเค้าแมวได้มีมาแล้วตั้งแต่ก่อนยุคกรีก
มีนกเค้าแมวเป็นคู่ปรากฏร่วมกับภาพของ มหาเทวีอินันนา (Inanna) แห่งสุเมเรีย (Sumeria) อันเป็นอารยธรรมยุคแรกๆ
ของเมโสโปเตเมีย
นกเค้าแมวคู่นี้สื่อถึงพระนามหนึ่งของพระนาง คือ Nin-ninna
(Divine Lady Owl)
แต่มันเป็นสัญลักษณ์อะไรอื่นนอกจากนี้หรือไม่ ก็ยังคลุมเครืออยู่
ภาพวาดจากภาพสลักมหาเทวีอินันนาบนแผ่นอิฐ จาก http://treeofvisions.wordpress.com |
ไม่เพียงเท่านั้น มันยังนำมาซึ่งความเข้าใจผิด เกี่ยวกับมหาเทวีอินันนามากมายครับ
เพราะรูปภาพบนแผ่นอิฐที่เห็นนี้ ทำให้นักปราชญ์ยุคแรกๆ ที่ค้นพบคิดว่า เป็นรูปภาพของ นางพญาลิลิธ (Lilith) เทวีแห่งตัณหาราคะในศาสนายิวและคริสต์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับนกเค้าแมวเช่นกัน
เพราะรูปภาพบนแผ่นอิฐที่เห็นนี้ ทำให้นักปราชญ์ยุคแรกๆ ที่ค้นพบคิดว่า เป็นรูปภาพของ นางพญาลิลิธ (Lilith) เทวีแห่งตัณหาราคะในศาสนายิวและคริสต์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับนกเค้าแมวเช่นกัน
ปัจจุบัน การค้นคว้าทางโบราณคดีได้พิสูจน์แล้วว่า มหาเทวีอินันนานั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับนางพญาลิลิธเลยครับ
และนกเค้าแมวที่ปรากฏร่วมกับเทพนารีทั้งสององค์นี้ ก็ใช้กันคนละความหมายด้วย
สำหรับคนอินเดีย พวกเขามองเห็นสิ่งที่น่าชื่นชมของนกชนิดนี้ในอีกทางหนึ่ง พวกเขาเห็นว่ามันกินทั้งหนูและงู ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของชาวนาทั้งคู่
ด้วยเหตุนั้น
มันไม่เพียงช่วยให้พวกเขามีข้าวกิน ยังช่วยป้องกันพวกเขาจากการถูกงูกัด
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับชาวอินเดียนะครับ
คนอินเดียเป็นชนชาติที่มีสถิติถูกงูกัดตายมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
เนื่องจากพวกเขานับถือศาสนาฮินดู ซึ่งมีคติการบูชางูเป็นเทพเจ้ารวมอยู่ด้วย
พวกเขาจึงไม่สามารถฆ่างูได้
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรช่วยเหลือพวกเขาได้ดีกว่านกเค้าแมว
โดยเฉพาะชนิดที่ชอบอยู่ตามท้องไร่ท้องนา ที่คนไทยเราเรียกว่า นกแสก เลย
พระธัญญลักษมี หรือพระแม่โพสพของอินเดีย มีนกเค้าแมวเป็นบริวาร |
ด้วยเหตุนั้น
คนอินเดียส่วนใหญ่จึงยกย่องนกเค้าแมวและนกแสกว่าเป็นสัตว์มงคล เป็นบริวารของพระแม่ลักษมี
เทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์และความมั่งมีศรีสุข โดยเฉพาะในปางที่ทรงเป็นพระแม่โพสพ
หรือ พระธัญญลักษมี (Dhanya Lakshmi) จะต้องมีรูปนกเค้าแมวปรากฏอยู่ด้วยเสมอ
อย่างไรก็ตาม
คนอินเดียก็ยังไม่มีคติที่จะพัฒนาสัตว์มงคลชนิดนี้ขึ้นเป็นเครื่องรางโดยเฉพาะครับ
หรือแม้แต่จะทำเป็นสัตว์บริวารสำหรับถวายเทวรูปพระแม่ลักษมีก็ยังไม่มี
ไม่เหมือนหนูสำหรับถวายพระคเณศ หรือวัวสำหรับถวายพระศิวะที่เห็นกันดาษดื่น
ส่วนในจีน คำเรียกนกเค้าแมวในภาษาจีนกลางคือ 鵂 (ออกเสียงคล้ายๆ เสียงผสมระหว่าง ซวี้-อ๊ง) และน่าสงสัยว่า
ในยุคบรรพกาลนกชนิดนี้จะเคยเป็นสัตว์มงคลในคติจีนด้วย เพราะได้มีการค้นพบภาชนะสำริดสมัยราชวงศ์ซาง
(商 : ๑,๗๐๐-๑,๑๐๐ ปีก่อนคริสตกาล)
หล่อเป็นรูปนกเค้าแมวที่มีรูปทรงและรายละเอียดงดงามมาก
ภาชนะสำริด (น่าจะเป็นเหยือกเหล้าใช้ในพิธีกรรม) สมัยราชวงศ์ซาง หนึ่งในหลายๆ ชิ้นที่ได้ค้นพบ ภาพจาก http://www.pinterest.com |
แต่ก็น่าแปลกละครับ ที่ในเวลาต่อมา
จีนยกย่องสัตว์ที่นำโทษมหันต์มาสู่มนุษย์ คือ หนู เป็นสัตว์มงคล
และเห็นว่าสัตว์ที่กำจัดหนู ทั้งแมวและนกเค้าแมวเป็นสัตว์อัปมงคล
โดยเฉพาะนกเค้าแมว พวกเขาเห็นว่าเป็นลางร้าย
แค่ได้ยินเสียงร้องของมัน ไม่จำเป็นต้องเห็นตัวก็ถือว่าโชคไม่ดีแล้ว
มิหนำซ้ำยังชอบเอามาเล่าเป็นนิทานหลอกเด็กว่า
ลูกนกเค้าแมวจะไม่หัดบินจนกว่าจะได้จิกตาของแม่มัน คงเป็นการยากที่จะบอกได้ว่า
ความเชื่อเหลวไหลเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
แต่ก็ยังดีครับ
ที่ทัศนคติเหล่านี้ลดหายไปมากแล้วในปัจจุบัน
เพราะแม้ว่าจนถึงตอนนี้
คนจีนจะยังไม่มีการทำวัตถุมงคลเป็นรูปนกเค้าแมว
แต่พวกเขาก็สร้างสรรค์ประติมากรรมรูปนกเค้าแมวด้วยวัสดุต่างๆ
สำหรับตกแต่งบ้านและสวน ที่มีรูปลักษณ์หลากหลายแปลกตา น่าสนใจมากๆ ครับ
แม้แต่ภาชนะสำริดรูปนกเค้าแมวของราชวงศ์ซาง
ที่ผมกล่าวถึงไปแล้วนั้น ก็ยังมีการจำลองแบบมาผลิตขายในราคาแพงเอาการ
เพราะถ่ายแบบมาได้เหมือนของจริงอย่างที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น โรงงานจีนยังรับจ้างผลิตเครื่องราง
และประติมากรรมนกเค้าแมวให้หลายประเทศในยุโรป รวมทั้งสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นด้วย
เหตุใดญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้รับอารยธรรมจีนมาแต่โบราณ
จึงเชื่อว่านกเค้าแมวเป็นสัตว์มงคล ขณะที่จีนไม่เชื่อ?
Eagle Owl and Moon by Kono Bairei ภาพจาก http://www.etsy.com |
คำตอบหนึ่งที่เป็นไปได้ ก็คือ
นกเค้าแมว (ภาษาญี่ปุ่นว่า ฟุกุโระ フクロウ) อาจเคยเป็นสัตว์มงคลในยุคบรรพกาลของจีนจริงๆ
แล้วชาวญี่ปุ่นก็รับคตินี้ไปก่อนที่ชาวจีนจะหันมารังเกียจมันในภายหลัง
คำตอบอื่นๆ ก็คือ คนญี่ปุ่นมีความเห็นตรงกับคนอินเดียในเรื่องที่นกชนิดนี้ช่วยกำจัดทั้งหนูและงู
ซึ่งเป็นอันตรายทางเศรษฐกิจและชีวิตของคนญี่ปุ่นเช่นกัน
จึงถือว่ามันเป็นสัตว์มงคลนำโชคลาภมาให้
ผมว่า
คุณสมบัติเช่นนี้ควรเป็นที่ประจักษ์ตรงกันในทุกชาติทุกภาษาอยู่แล้วละครับ
ถ้าไม่ถูกครอบงำด้วยอคติ อันเกิดจากความหวาดกลัวที่มากเกินไป
ทุกวันนี้
คนญี่ปุ่นจึงผลิตเครื่องรางที่เป็นรูปนกแมวด้วยปริมาณและรูปแบบที่หลากหลายพอๆ
กับแมวกวัก แล้วก็เหมือนมีการประชันกันกลายๆ ด้วยนะครับ
เพราะปรากฏว่า
ยิ่งแมวกวักทำท่าออดอ้อนดีดดิ้นเท่าไหร่ นกเค้าแมวญี่ปุ่นก็จะยิ่งออกท่าออกทางน่ารักน่าชังมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
และผลก็คือ ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเหมือนกัน
คนญี่ปุ่นถือว่า
นกเค้าแมวที่น่ารักน่าเอ็นดูของพวกเขามีคุณประโยชน์เหมือนแมวกวัก
คือใช้ประดับตกแต่งสถานที่ให้มีบรรยากาศผ่อนคลายก็ได้
หรือจะใช้เรียกโชคลาภเข้าบ้าน หรือธุรกิจร้านค้าก็ได้เหมือนกัน
อย่างน้อยแค่ความน่ารักที่สะกดสายตาผู้พบเห็นให้หยดชื่นชม
ก็ช่วยให้กิจการร้านค้าที่มันตั้งอยู่ดูน่าสนใจขึ้นแล้ว
เครื่องรางรูปนกเค้าแมวญี่ปุ่นจึงมีทุกรูปแบบ
ทำเป็นแบบตั้งโต๊ะ ซึ่งหาดูได้ง่ายทั่วไป ทำเป็นกระดิ่งในตัวสำหรับแขวนไว้ที่ชายคา
หรือเหนือประตูทางเข้าอาคารต่างๆ ก็ได้ หรือทำเป็นตัวเล็กๆ สำหรับพกพา
มีแม้กระทั่งแบบที่ทำไว้สำหรับพกในกระเป๋าสตางค์หรือกระเป๋าเสื้อได้สะดวก
หรือจะเอาแบบที่เป็นจี้ห้อยคอก็มีทั้งนั้น
นกเค้าแมวเซรามิกลายคราม แบบญี่ปุ่น สำหรับตกแต่งโต๊ะอาหาร ภาพจาก http://www.allexpress.com |
เพราะเหตุนี้
นกเค้าแมวญี่ปุ่นจึงเป็นที่ชื่นชอบสำหรับผู้สะสมงานหัตถกรรมรูปสัตว์ชนิดนี้
ซึ่งมีอยู่ทั่วโลก และด้วยเหตุว่านับวันความนิยมจะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้
ช่างฝีมือญี่ปุ่นหลายคนจึงเพียงแต่ออกแบบนกเค้าแมว
แล้วส่งไปผลิตที่เมืองจีนซึ่งควบคุมคุณภาพได้ดังใจ แต่ค่าแรงถูกกว่า
และมีโรงงานเซรามิกมากกว่า
ช่างฝีมือญี่ปุ่นส่วนหนึ่ง
ยังมาว่าจ้างโรงงานผลิตหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผาในลำปางและทางภาคเหนือของไทย
ออกแบบและผลิตเครื่องรางนกเค้าแมว แล้วส่งกลับไปติดแบรนด์ญี่ปุ่นด้วย
ซึ่งก็ทำให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพ และ “ดูเป็นญี่ปุ่นแท้”
เช่นเดียวกับที่จ้างผลิตในจีน
ดังนั้น ใครไปญี่ปุ่นแล้วคิดจะซื้อนกเค้าแมวกลับมาฝากเพื่อนฝูงญาติมิตรที่เมืองไทย
อาจต้องทำใจว่าเป็นนกเค้าแมวที่ผลิตในประเทศไทยก็ได้นะครับ
ได้กล่าวไปแล้วว่า
โรงงานจีนไม่เพียงรับผลิตเครื่องรางนกเค้าแมวให้ญี่ปุ่นเท่านั้น
ยังผลิตให้ชาวยุโรปและอเมริกาด้วย ทั้งโดยวัสดุที่เป็นเซรามิกและเรซิน
ซึ่งมีโรงงานอยู่ดาษดื่นในจีน เพราะวัตถุมงคลชนิดนี้ก็เป็นที่นิยมของฝรั่งเช่นกัน
ที่เป็นเช่นนี้
ก็เพราะคติความเชื่อเกี่ยวกับพระเทวีอธีนาดังกล่าวแล้วละครับ ในทางมายาศาสตร์ยุโรป
เขาแนะนำไว้เลยว่า ผู้มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการศึกษาค้นคว้าในศิลปวิทยาการต่างๆ
ควรจะมีเครื่องรางหรือประติมากรรมนกเค้าแมว เพราะมันจะนำความฉลาดมาให้
หรือจะพูดแบบไทยๆ ก็ได้ว่า ช่วยเสริมบารมีในด้านของสติปัญญานั่นเอง
รูปแบบหนึ่งของเครื่องรางนกเค้าแมว ในมายาศาสตร์ตะวันตกปัจจุบัน ภาพจาก http://zeldawiki.org |
ในมายาศาสตร์ตะวันตก
มีการระบุไว้ว่าเครื่องรางนกเค้าแมวที่ดีควรทำด้วยทองคำ เงิน และสำริด
จะมีอานุภาพเข้มขลังอย่างยิ่ง หลายๆ สำนักก็มีการปลุกเสกนะครับ โดยเฉพาะในพวกแม่มด (Witch) และพวกที่บูชาธรรมชาติ เช่น วิคคา (Wicca)
ซึ่งก็พอจะหาผู้ชำนาญการใช้เวทมนต์ ที่ทำพิธีนี้ได้ไม่ยาก
อีกทั้งยังเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เกิดในราศีพฤษภ ราศีกันย์ และราศีมกร
กล่าวสำหรับเมืองไทยของเรา ซึ่งเป็นที่รู้ๆ
กันอยู่ว่า
มีคนเป็นอันมากที่เกลียดกลัวนกแสกและนกเค้าแมวด้วยความงมงายมานานนักหนาแล้ว
เช่นคิดว่าเป็นทูตแห่งความตาย เป็นพาหนะของพระกาฬที่จะมาเอาชีวิต
โดยเฉพาะตามชนบท มักสั่งสอนกันมาจนทุกวันนี้ว่านกแสกเป็นนกผี
บินผ่านบ้านไหนแล้วร้องให้ได้ยินเสียง หรือไปเกาะบ้านใครบ้านนั้นต้องมีคนตาย
ในอีสานเรียกว่า นกลิงลม และกล่าวหาว่าเป็นผู้นำอหิวาตกโรคเข้ามาในหมู่บ้าน
เป็นวิสัยของคนไทยจำนวนมากจริงๆ ครับ
ที่มักงมงายในความเชื่อที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาอย่างเพียงพอ
เรื่องนกแสกเป็นทูตนำความตายมาหานั้น
แท้ที่จริงมาจากความไม่เข้าใจในธรรมชาติ
และความหวาดกลัวอย่างขลาดเขลาของคนบางกลุ่ม
หรือไม่รู้จะโทษอะไรก็โทษนกไว้ก่อน
เช่น คนอีสานที่ต้องพบกับอหิวาตกโรคอยู่เสมอ
ก็ควรจะพิจารณาพฤติกรรมการกินอยู่ของคนพวกนี้นะครับ ว่าเป็นอย่างไร ชื่นชอบกันเหลือเกินใช่หรือไม่
กับอาหารดิบๆ คาวๆ ที่ปรุงอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ พอกินเข้าไปแล้วเป็นอะไรขึ้นมา ก็โบ้ยให้นกเป็นแพะรับบาป
Barn Owl ของฝรั่ง สายพันธุ์เดียวกับนกแสกไทย |
ความเชื่อเช่นนี้
เป็นความเชื่อที่เบียดเบียนให้ร้ายผู้อื่น ไม่เป็นประโยชน์
และไม่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สมควรแก่การอนุรักษ์ไว้หรอกครับ
เดี๋ยวนี้ก็เริ่มมีการเผยแพร่ข้อมูลที่ลบล้างความเขื่องมงายเหล่านี้มากขึ้นในสื่อตางๆ
อย่างน่ายินดี ดังนั้น ความงมงายอย่างนี้สักวันหนึ่งก็คงจะสูญหายไป
พร้อมกับผู้คนที่เบาปัญญาดังกล่าวนั่นเอง
แต่ในทางไสยศาสตร์ไทยของเรา
ก็เห็นประโยชน์ในทางอาถรรพณ์จากคุณสมบัติของนกชนิดนี้ ที่เป็นสัตว์หากินกลางคืน
แต่มีอานุภาพในด้านของความอุดมสมบูรณ์เพราะช่วยกำจัดหนู และป้องกันอันตรายได้ด้วย
เพราะมันกินงูเป็นอาหารไงครับ
จึงมีการนำมาสร้างเป็นเครื่องราง เรียกว่า
นกถึดทือ โดยสายที่รู้จักกันมากที่สุด คือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
จ.ชัยนาท อาจารย์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
องค์บิดาของทหารเรือไทย ที่เป็นราชนิกูลจอมอาคมพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์นั่นเอง
เล่ากันว่า
สมัยหนึ่งหลวงปู่ศุขได้รับนิมนต์มาที่วังนางเลิ้งของเสด็จในกรม บรรดานายทหารเรือ
และคนรับใช้ประจำวังหลายคนเข้าไปกราบขอพระเครื่อง, ตะกรุดสารพัด
แต่ก็มีหลายคนเช่นกันติดเบี้ยบ่อน มาขอของดีจากหลวงปู่ศุขไปแก้มือ
สำหรับคนจำพวกหลังนี้ หลวงปู่ท่านไม่ให้พระ
แต่เขียนยันต์นกถึดทือให้แทน
ปรากฏว่า เจ้ามือทั้งย่านนางเลิ้ง พระนคร
สี่กั๊ก ยันเสาชิงช้า ต้องปิดบ่อนหนีบรรดาศิษย์นกถึดทือหมด เพราะพวกนี้ได้พากันล้างแค้นเจ้ามือสำเร็จ
ร่ำรวยไปตามๆ กัน จนเจ้ามือขยาด ถ้ารู้ว่าเป็นพวก “นกถึดทือจากวังนางเลิ้ง”
จะไม่รับเข้าไปเล่นอีกเลยทีเดียว
วิชานกถึดทือสายหลวงปู่สุข
มีการสืบทอดมาจนปัจจุบันหลายสำนักด้วยกัน โดยมีอุปเท่ห์ว่า เวลาจะบูชาให้ภาวนาคาถาหัวใจพญานกถึดทือ
“กิ ปิ พิ คิ” ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งความเมตตา
ดีทางการเสี่ยงโชค ทางขยันทำมาหากิน เป็นเมตตามหานิยม เมตตามหาเสน่ห์ เรียกทรัพย์
รับโชคลาภ อธิษฐานจิตได้ดั่งใจ อีกทั้งป้องกันคุ้มภัย ป้องกันคุณไสย คุณผี คุณคน
ได้อย่างยอดเยี่ยม
ในยุคของพวกเรา จึงมีเกจิอาจารย์หลายสำนักที่สร้างนกถึดถือออกมาให้บูชากัน
ที่เคยนิยมกันมากสำนักหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน คือ หลวงพ่อพิน พรหมวัณโณ วัดคลองหวายโป่ง
จ.ระยอง
เครื่องรางของท่านไม่เรียกว่านกถึดทือหรอกครับ
ท่านตั้งชื่อใหม่ว่า รัตติกาล เห็นจะเป็นเพราะดูโรแมนติกกว่า
และมุ่งจับตลาดคนรุ่นใหม่ซึ่งอาจจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่า นกถึดทือ นั่นเอง
รวมทั้งสายวิชาของท่านก็อาจจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหลวงปู่ศุข
ที่รู้จักกันทั่วไปก็ได้
รัตติกาลของหลวงพ่อพิน ทำออกมาหลายรุ่น
ที่ดีที่สุดคือรุ่นแรก ซึ่งออกแบบได้อย่างสวยงามเป็นรูปนกเค้าแมวเกาะคอนไม้ ในทางไสยศาสตร์ก็นิยมกันว่าดีมาก
เพราะอุดสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง พระอาจารย์ของหลวงพ่อพิน
ซึ่งแรงทางเมตตามหานิยม
รัตติกาล รุ่น ๔ หลวงพ่อพิน เนื้อนวโลหะ พ.ศ.๒๕๕๓ ภาพจาก http://www.web-pra.com |
ส่วนรุ่น ๔ ซึ่งเป็นรูปนกเค้าแมวกางปีกบิน
รุ่นนี้ก็ออกแบบได้ดีเช่นกันครับ และปัจจุบันก็หายากแล้วเช่นกัน
เพราะแม้แต่คนที่ไม่นิยมไสยศาสตร์ พอเห็นครั้งแรกก็ยังต้องซื้อเก็บ
เกจิอาจารย์ท่านอื่นๆ
ที่มีชื่อเสียงในการสร้างนกถึดทือ ได้แก่ หลวงพ่อมหาโพธิ์ ญาณสังวโร วัดคลองมอญ
(สุวรรณโคตมาราม) อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ท่านเรียนกับหลวงพ่อบุญยัง วัดหนองน้อย
จ.ชัยนาท ที่สืบทอดต่อมาจากหลวงปู่ศุขอีกที
ซึ่งวิชานี้ หลวงพ่อบุญยังเคยทำให้หลวงพ่อมหาโพธ์ประจักษ์มาแล้ว เมื่อคราวเสกลงกระป๋องขนมขบเคี้ยวไว้ให้กินสมัยยังเด็กบวชเป็นเณร ล้วงกินเท่าไรก็ไม่มีหมด
ซึ่งวิชานี้ หลวงพ่อบุญยังเคยทำให้หลวงพ่อมหาโพธ์ประจักษ์มาแล้ว เมื่อคราวเสกลงกระป๋องขนมขบเคี้ยวไว้ให้กินสมัยยังเด็กบวชเป็นเณร ล้วงกินเท่าไรก็ไม่มีหมด
นกถึดทือ ขนาดบูชา หลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ ดัดแปลงจากงานแกะไม้ OTOP เชียงใหม่ |
ที่นำมาเป็นภาพตัวอย่างนี้
นับว่าเป็นนกถึดทือขนาดบูชารุ่นแรก
ทำด้วยไม้แกะสลักจากเชียงใหม่ที่ลูกศิษย์ซื้อมาถวายหลวงพ่อ มีเพียง ๒๐ ตัวเท่านั้น
หลวงพ่อท่านจารอักขระไว้ที่ตาและบนหัว เสร็จแล้วก็แจกจ่ายลูกศิษย์คนสำคัญๆ
ที่เหลือออกให้บูชาแค่ไม่กี่ตัว เรียกได้ว่าเป็นเครื่องรางนกถึดทือแบบ OTOP
ครับ
นอกจากนี้ท่านก็สร้างเป็นเนื้อผงออกมา
ไม่สวยนัก แต่ในวงการนิยมกันว่าของท่านดีจริง หายาก
อีกสำนักหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ญาท่านทอง
วัดนาอุดม อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี ท่านสร้าง พญานกถึดทือเรียกทรัพย์
วิชาเด็ดสำเร็จลุน เมื่อพ.ศ.๒๕๕๖ ซึ่งเป็นไสยศาสตร์ลาว
แตกต่างจากสำนักอื่นที่มักอ้างอิงสายวิชาหลวงปู่ศุข
และยังมีความแปลกใหม่ตรงที่แกะจากเขาควาย ตัวเล็กๆ แต่สวยระดับงาน OTOP
เช่นกัน
พญานกถึดทือเรียกทรัพย์ วิชาเด็ดสำเร็จลุน ญาท่านทอง วัดนาอุดม ภาพจาก http://rattaya-pramai.lnwshop.com |
ส่วนพระเกจิอาจารย์ที่โดดเด่นที่สุด
ในการสร้างนกถึดทือ ณ ปัจจุบันนี้ เห็นจะไม่มีท่านใดเกิน หลวงพ่อชู เตชธมฺโม
วัดทัพชุมพล ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์
ท่านสร้างและปลุกเสกนกถึดทือไว้หลายรุ่น ตามตำราที่ตกทอดมาจากสายวิชาหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า บางรุ่นหล่อด้วยโลหะผสมแบบโบราณ ชนิดที่ไม่ปรากฏว่าสำนักอื่นเคยใช้กันมาก่อน เช่นเนื้อเมฆสิทธิ์ ตามภาพตัวอย่างนี้
ท่านสร้างและปลุกเสกนกถึดทือไว้หลายรุ่น ตามตำราที่ตกทอดมาจากสายวิชาหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า บางรุ่นหล่อด้วยโลหะผสมแบบโบราณ ชนิดที่ไม่ปรากฏว่าสำนักอื่นเคยใช้กันมาก่อน เช่นเนื้อเมฆสิทธิ์ ตามภาพตัวอย่างนี้
นกถึดทือ รุ่นแรก เนื้อเมฆสิทธิ์ หลวงพ่อชู วัดทัพชุมพล ภาพจาก http://eauction.uamulet.com |
ที่ผมอยากพูดถึงเป็นพิเศษ คือ พญานกถึดทือรุ่นหอบทรัพย์ โกยสมบัติ ขนาดบูชา ๓ นิ้ว
ซึ่งนับได้ว่าเป็นการทำพญานกถึดทือตัวครูอย่างแท้จริงตัวใหญ่ที่สุด
นับตั้งแต่สมัยหลวงปู่ศุข ใครๆ ที่ชอบนกถึดทือ นกเค้าแมว
น่าจะหัวใจละลายกับพญานกถึดทือรุ่นนี้แน่นอน
ใครอยากได้ก็ยังพอมีเวลาครับ เพราะเขาเพิ่งเปิดจองได้ไม่นาน แต่สร้างตามจำนวนจองเท่านั้นนะครับ ราคาเพียงตัวละ ๑,๑๙๙ บาท ปิดจอง ๑๘ กันยายน ๒๕๕๙ นี้ รับของได้วันออกพรรษา เดือนตุลาคม
นกถึดทือ ขนาดบูชา ๓ นิ้ว รุ่นแรก หลวงพ่อชู วัดทัพชุมพล ภาพจาก http://phatralak.si.tarad.com |
เครื่องรางของสำนักต่างๆ ดังกล่าวมานี้
ส่วนมากมักโฆษณาว่า เด่นทางมหานิยม โดยเฉพาะการเข้าหาเพศตรงข้ามในเวลากลางคืน
ส่วนในด้านโชคลาภนั้น ก็มักจะหนักไปในทางอบายมุข โดยเฉพาะการพนัน และการเข้าบ่อน
ซึ่งก็เป็นเรื่องของสิ่งที่ซ่อนเร้นปิดๆ บังๆ หรือทำในเวลากลางคืนเช่นกัน และเน้นกันมากในสายหลวงปู่ศุขตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
ซึ่งก็คงจะเป็นเพราะคุณสมบัติส่วนหนึ่งของนกถืดทือ
คือ ความอุดมสมบูรณ์ และความเป็นนกกลางคืน ก็เป็นได้นะครับ
และก็เพราะเด่นทั้งเรื่องเจ้าชู้
และเรื่องการพนันนี่แหละ ที่ทำให้เครื่องรางนกถึดทือส่วนมาก
มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับมนต์ดำอย่างช่วยไม่ได้ โดยเฉพาะบางสำนักนั้น
ถึงกับสร้างด้วยมวลสารที่เกี่ยวข้องกับซากศพ หรือภูตพรายตามตำรับมนต์ดำเลยทีเดียว
ตัวอย่างเช่น เทพราตรี
เนื้อดินอาถรรพณ์อาบน้ำมันพราย ของ หลวงพ่อปุ่น วัดป่าบ้านสังข์ จ.ร้อยเอ็ด
ซึ่งอ้างอิงว่าเป็นสายวิชาของหลวงปู่ศุขเช่นกัน
เทพราตรี เนื้อดินอาถรรพณ์อาบน้ำมันพราย หลวงพ่อปุ่น ภาพจาก http://siammontra-amulet.blogspot.com |
กล่าวกันว่า มีคุณด้านเมตตามหานิยม
ใครที่ชอบเที่ยวกลางคืนรักสนุก เจ้าชู้ ก็ใช้ได้แรงยิ่งนัก
ทั้งยังป้องกันคุณไสยมนต์ดำ ภูตผีปีศาจเกรงกลัว
แม้ในเรื่องคดีความและการเสี่ยงโชคก็มีครบทุกด้าน หากใส่ไว้ในเซฟหรือที่เก็บเงิน
จะทำให้เงินทองเพิ่มพูนไม่ขาดพร่อง ทำน้ำมนต์แก้ดวงไม่ดีก็ได้
ซึ่งหลวงพ่อท่านสร้างเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เครื่องรางนกถึดทือ ดังที่ยกตัวอย่างมานี้ รวมทั้งสำนักอื่นๆ
ที่มิได้กล่าวถึง แม้ว่าจะมีหลายสำนัก แต่จริงๆ แล้วก็ยังคงต้องถือว่า
เป็นเครื่องรางที่หาดูยากชนิดหนึ่งละครับ
เพราะมีต้นทางมาจากสายวิชาเดียวกันเสียส่วนใหญ่ ในขณะที่ผู้สืบทอดก็มีไม่กี่ท่าน
แล้วก็ยังไม่มีความนิยมมากนักในท้องตลาด
ผมเอามาบันทึกไว้ สำหรับคนชอบนกฮูก-นกเค้าแมวในด้านศาสตร์ลี้ลับ เผื่อใครสนใจจะได้ตามเก็บสะสม เพราะถึงแม้หลายๆ
รุ่นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องอบายมุข แต่ถ้าเก็บไว้ดูเล่น ไม่นำมาใช้ในทางนั้นก็ไม่มีอันตรายอะไรหรอกครับ
.............................
.............................
หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์
ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL
ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด