บทความโดย กิตติ วัฒนะมหาตม์
*วัตถุมงคลในบทความนี้ ไม่มีให้เช่าบูชา*
เรื่องของสัตว์พาหนะ ผมเขียนไว้ใน
http://shreegurudevamantra.blogspot.com/2015/12/blog-post_11.html
ว่ามีที่มาจากอะไรๆ ได้หลายอย่าง โดยทั้งหมดล้วนมิได้เป็นพาหนะขององค์เทพจริงๆ
ว่ามีที่มาจากอะไรๆ ได้หลายอย่าง โดยทั้งหมดล้วนมิได้เป็นพาหนะขององค์เทพจริงๆ
แต่เทวศาสตร์ และไสยศาสตร์ของไทย
ได้พัฒนาผ่านกาลเวลา จนเข้าถึงระดับสูงสุด ในศาสตร์ทั้งหลายของอินเดียและอุษาคเนย์
ที่บูชาเทพทรงพาหนะ
โดยศาสตร์นี้ มีต้นกำเนิดมาจาก เทวดาอัฐทิศ
หรือ อัษฎโลกบาล ของอินเดีย ซึ่งประกอบด้วย :
๑.พระอินทร์ ประจำทิศตะวันออก ทรงช้างเอราวัณ
๒.พระอัคนี ประจำทิศตะวันออกเฉียงใต้
ทรงระมาดเพลิง
๓.พระยม
ประจำทิศใต้ ทรงมหิงสา
๔.พระนิรฤติ ประจำทิศตะวันตกเฉียงใต้
ทรงพยัคฆ์
๕.พระวรุณ ประจำทิศตะวันตก ทรงนาค
๖.พระพาย ประจำทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ทรงม้า
๗.พระไพศรพณ์ ประจำทิศเหนือ ทรงโค
๘.พระอิศาณ หรือ พระอิศวร
ประจำทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงโค
โดยเราได้รับมาตั้งแต่สมัยทวารวดีแต่ที่นับเป็นครูของศาสตร์แขนงนี้ในไทยเราอย่างแท้จริง
มาจากเขมรครับ
อย่างไรก็ตาม ศาสตร์แห่งเทวดาอัฐทิศของไทยเรา
ในที่สุดก็เสื่อมลงในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
โดยยังคงเหลืออยู่แต่ในตำรา อภิไทโภธิบาทว์
เป็นพิธีกรรมสำหรับแก้อาถรรพณ์ลางร้ายต่างๆ ซึ่งในทางปฏิบัติ
ก็มีอยู่เพียงการอนุรักษ์ตำราไว้เท่านั้น
ส่วนในทางศิลปะ ก็นิยมทำเป็นรูปเทวดานั่งแท่น
ไม่ทรงพาหนะอีกต่อไป
แม้กระนั้น ประติมานวิทยาของเทพที่ทรงพาหนะ
ก็ยังคงมีการสืบทอดกันต่อมาในทางไสยศาสตร์ของเราเนื่องจากเป็นรูปลักษณ์ที่ทรงอานุภาพ
และอิทธิฤทธิ์ ในระดับที่เหนือกว่าเทวรูปทั่วไปของเทพองค์เดียวกัน
ซึ่งนั่นก็เพราะว่า เป็นสิ่งที่เราได้รับมาจากเทวศาสตร์
และไสยศาสตร์เขมร ที่มีองค์ความรู้ในเรื่องนี้อยู่แล้วนั่นเอง
โดยองค์เทพตามคตินี้ ที่เรารักษาไว้ได้ตลอดมา
คือ พระอินทร์ พระวรุณ และพระอิศาณ หรือพระอิศวร
อีกทั้งเรายังได้ผนวกเอามหาเทพองค์สำคัญ คือ พระนารายณ์
และ พระพรหม เข้าไปด้วย จนเกิดเป็นสายวิชาเฉพาะของไทยเราเอง
ดังเช่นในอดีต
บางสำนักได้จัดสร้างพระนารายณ์ทรงครุฑ พระอิศวรทรงโค พระพรหมทรงหงส์
พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ และพระพิรุณทรงนาค เป็นเทวรูปชุดเดียวกัน ๕ องค์
สำหรับการประกอบพิธีกรรม ที่มีศาสตร์รองรับโดยเฉพาะ
แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า
ศาสตร์ดังกล่าวสืบทอดกันในวงแคบเฉพาะไม่กี่สำนักครับ
และไม่เป็นที่พบเห็นกันอีกต่อไปแล้วในปัจจุบัน
คงเหลือแต่การประดิษฐานเทพผู้ทรงมเหสักข์ทั้ง ๕
เป็นเอกเทศ ตามสถานที่ต่างๆ
ดังต่อไปนี้ครับ
พระนารายณ์ทรงครุฑ
เป็นศาสตร์ที่ไทยเราได้รับจากเขมร ตั้งแต่สมัยอยุธยา
และเรานำมาใช้ทั้งในรูปแบบของเทพที่ขจัดสิ่งชั่วร้าย
อันพึงมีพึงเกิดแก่พระพุทธรูปองค์สำคัญ
และเป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจแห่งองค์พระมหากษัตริย์
วัดหลวงที่พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาทรงสร้าง
หรือบูรณปฏิสังขรณ์ จึงมีรูปนารายณ์ทรงครุฑปรากฏอยู่เป็นสำคัญ
อีกทั้งยังทำเป็นโขนเรือพระที่นั่ง
ในกระบวนพยุหยาตราชลมารค เช่น เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ
ที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ ๙ โดยสืบทอดรูปแบบจากสมัยรัชกาลที่ ๔
ปัจจุบัน ศาสตร์แห่งพระนารายณ์ทรงครุฑ
ยังคงได้รับความนิยมโดยไม่เสื่อมคลาย นอกจากการสืบทอดคติอยุธยาโดยหลายๆ
วัดที่สร้างขึ้นใหม่แล้ว ยังมีการสร้างเป็นเทวรูปขนาดใหญ่
สำหรับให้สาธารณชนสักการบูชาด้วย
เช่น พระนารายณ์ทรงครุฑประทับบนพระราหู ที่ วัดยานนาวา
และ ศิวาลัยสถาน สี่แยกพระศิวะ (ถนนรัชดาตัดถนนลาดพร้าว) กรุงเทพฯ
ส่วนพระนารายณ์ทรงครุฑแบบขอมโบราณ ตรงด้านหน้า โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ย่านราชประสงค์ ที่มีหมอดูและสื่อต่างๆ
แนะนำให้ไปไหว้กันอยู่เสมอนั้น
ไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะรับการบูชาหรอกครับ
เนื่องจากเดิมเป็นเพียงประติมากรรมสำหรับตกแต่งสถานที่ เพื่อแก้ฮวงจุ้ยเท่านั้น
พระอิศวรทรงโค
ทรงเป็นใหญ่มาก่อนทั้งในเทวศาสตร์
และไสยศาสตร์ไทยโบราณ
เทวรูปของพระองค์
จึงเป็นเทวดาทรงโคที่มีพระกรจำนวนมาก แสดงถึงเทวานุภาพอันมหาศาล
ซึ่งน่าจะเป็นรูปแบบที่ทำกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
แต่ส่วนใหญ่ก็มีหลักฐานคงเหลืออยู่เพียงในภาพที่เห็นนี้ละครับ
ซึ่งเป็นเทวรูปลงรักปิดทองสมัยรัตนโกสินทร์ และนักเลงพระเครื่องมักเรียกกันผิดๆ
ว่า “นารายณ์ทรงโค”
เทวรูปเหล่านี้ ส่วนหนึ่งถูกดัดแปลงให้เป็น พระพุทธรูปปางโปรดพกาพรหม
โดยตัดยอดชฎาออก แล้วเติมพระพุทธรูปองค์เล็กๆ เข้าไปแทน
การกระทำเช่นนี้ อาจเป็นเหตุปัจจัยสำคัญ
ที่ทำให้ศาสตร์ของพระอิศวรในเมืองไทยเสื่อมสูญไปจนหมดสิ้นในเวลาต่อมา
และในขณะที่ผมเขียนบทความนี้
ยังไม่พบว่ามีการสร้างพระอิศวรทรงโคขนาดใหญ่ไว้ ณ ที่ใดในเมืองไทยครับ
พระพรหมทรงหงส์
แม้ว่าจะทรงเป็นองค์บรมครูในทางเทวศาสตร์และไสยศาสตร์ไทย
แต่ก็เช่นเดียวกับพระอิศวรทรงโค คือยังไม่พบว่า
มีการสร้างเป็นเทวรูปขนาดใหญ่มาก่อน
จนกระทั่งคณะช่างของ อ.สง่า มยุระ ได้ประดิษฐานพระพรหมทรงหงส์ไว้บนหน้าบันด้านหนึ่ง
ของพระอุโบสถ วัดราชบุรณะ หรือ วัดเลียบ
ที่สร้างขึ้นใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า
เป็นพระพรหมทรงหงส์ที่สวยที่สุดในเมืองไทย
ส่วนที่เป็นเทวรูปขนาดใหญ่
สำหรับให้สาธารณชนสักการะบูชานั้น ปัจจุบันมีการสร้างไว้ที่ Legend
Siam
พัทยา แต่เนื่องจากเพิ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
จึงยังไม่มีประสบการณ์แพร่หลายครับ
พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
เป็นสายวิชาที่ไทยเรารับรูปแบบจากเขมร
แต่ยังไม่พบหลักฐานที่เก่ากว่าสมัยรัตนโกสินทร์ และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่
๖ เป็นต้นมา
ปัจจุบัน
มีการสร้างพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณไว้ตามสถานที่ต่างๆ
ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมาก เช่น วัดสารภี จ.สุพรรณบุรี, วัดสมานรัตนาราม จ.ฉะเชิงเทรา และ Legend Siam พัทยา เป็นต้น
แต่ไม่มีที่ใดสร้างได้งาม และศักดิ์สิทธิ์ไปกว่า
วัดเทวราชกุญชร เทเวศร์ ครับ
พระพิรุณทรงนาค
พระพิรุณหรือพระวรุณ
ในศาสตร์ยุคทวารวดีและขอมนั้น ทรงหงส์ แต่ในทางเทวศาสตร์และไสยศาสตร์ไทยนั้นทรงนาค
และน่าประหลาดใจมากครับ ที่พระพิรุณทรงนาคนี้
ปัจจุบันนับเป็นเทพทรงพาหนะที่มีการจัดสร้างไว้มากที่สุดในเมืองไทย
เมื่อเทียบกับพระเป็นเจ้าอีก ๔ องค์ที่กล่าวมาแล้ว
โดยเทวรูปขนาดใหญ่ของพระพิรุณทรงนาค
ที่สาธารณชนสามารถไปสักการะบูชาได้ง่าย เช่น
-กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถ.ราชดำเนิน กรุงเทพฯ
-วิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตหันตรา จ.พระนครศรีอยุธยา
-วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี จ.กาญจนบุรี
-มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ บริเวณหน้าคณะพัฒนาการท่องเที่ยว
การที่โบราณาจารย์ของเรา ได้บูชาเทพทั้ง ๕
องค์นี้เป็นชุดเดียวกัน แม้จะเป็นคติที่ไม่แพร่หลาย
และพวกเราในยุคนี้ไม่รู้จักกันแล้ว
แต่จากประสบการณ์ของผม
ในการทำงานด้านนี้มานานกว่า ๒๐ ปี ก็ได้ประจักษ์ว่า เป็นวิธีการบูชาที่มีผลพิเศษ
ในการปกป้องคุ้มครอง ขจัดอาถรรพณ์ เสนียดจัญไร และการกระทำคุณไสยมนต์ดำต่างๆ
ได้ในระดับที่เหนือกว่าเทวรูปชนิดอื่นจริงๆ ครับ
ผมจึงหยิบยกมาแนะนำ
โดยที่พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องไปแสวงหาเทวรูปทรงพาหนะเช่นนี้ มาตั้งบูชาเป็นชุดครบ ๕
องค์
เพราะอย่างเช่นพระอิศวรทรงโค
ทุกวันนี้ส่วนมากเป็นของโรงงานเลียนแบบของเก่าครับ
นานๆ ครั้งจึงจะมีบางวัดสร้าง
ซึ่งก็ด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นพระนารายณ์ทรงโคเสียอีก เป็นการยืนยันว่า
ไม่มีวิชาที่จะเสกทำเทวรูปเช่นนี้คงเหลืออย่างแน่นอน
ดังนั้น
พวกเราก็เพียงแต่ไปสักการะบูชาพระนารายณ์ พระพรหม พระอินทร์ และพระพิรุณ
ตามสถานที่ที่ผมระบุแล้ว ให้ได้ ๓ องค์ ก็พอแล้วครับ
(เลือกเอาว่าจะเป็นพระนารายณ์หรือพระพรหมก็ได้)
และเมื่อใดก็ตามที่รู้สึกว่า ดวงชะตามืดมน
ถูกคนชั่วคนวิปริตเบียดเบียน ด้วยไสยศาสตร์มนต์ดำ เป็นต้น ก็ควรบูชาให้ครบทั้ง
๓ องค์ ภายใน ๗ วัน
ซึ่งจะต้องไม่ตรงกับวันอุบาทว์ และวันโลกาวินาศ
ตามปฏิทินโหราศาสตร์ไทย
และไม่จำเป็นต้องไปในช่วงเทศกาล เช่น ปีใหม่
หรือสงกรานต์ครับ
เพราะอย่างพระพิรุณที่กระทรวงเกษตรฯ
และสถาบันการศึกษาต่างๆ นั้น เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ
จึงควรไปไหว้ในวันและเวลาราชการจะดีกว่า
ส่วนเทวรูปและวัตถุมงคล ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดในการจัดหามาบูชา
ณ เวลานี้ คือ พระนารายณ์ทรงครุฑ พระพรหมทรงหงส์ และพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
ก็ขึ้นอยู่กับศรัทธานะครับ ว่าจะเลือกองค์ไหน
คือถ้าจะตั้งเป็นพระบูชาในบ้าน จะบูชาทั้ง ๔
องค์ก็ได้ แต่ถ้าบูชาหน้ารถหรือติดตัว องค์เดียวก็พอครับ
เรื่องนี้ ผมเอามาเขียนแนะนำแล้ว
ก็คงมีเกจิทั้งจริงทั้งปลอม ได้ความคิดไปจัดทัวร์อะไรกันอีก ไม่เป็นไรครับผมไม่ว่า
เพราะผมเป็นคนชวนไหว้เอง
แต่ถ้าเป็นพวกวิปริต
ที่ชอบเลียนแบบความคิดผมไปหากิน ในขณะเดียวกับที่คอยก่นด่า ใส่ร้ายผมลับหลัง
ก็ระวังตัวกันไว้ให้ดีนะครับ
เพราะผมอธิษฐานกับทั้ง ๔ องค์
เผื่อพวกคุณไว้หมดแล้ว
-----------------------
หมายเหตุ :
เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด